เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า “จตุพร” พลิกตำราอำนาจ แบไต๋ความกลัวคุก ระบุศาสตร์ “หนี” เป็นบทแรกๆ ให้รีบทำเมื่อมีภัยมาใกล้ตัว ถ้าตั้งหลักได้แล้วจึงคิดสู้ แต่แลกด้วยเงื่อนไขพักโทษต้องยุติลง ส่วนทักษิณจะ“หนีหรือสู้” ห้วงเวลากว่าจะถึง 18 มิ.ย. อะไรก็เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย 

เมื่อ 7 มิ.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ โดยกล่าวว่า นักโทษทักษิณ ชินวัตร ปรากฎตัวไปนวดที่ย่านเพลินจิต กทม. แสดงถึงอากการดิ้นพล่านเพื่อกลบเสียงอื้ออึงว่า หนีคดี ม.112 ไปต่างประเทศแล้ว อย่างไรก็ตาม คนสูงวัยเคยอ้างเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยจะไม่นวดตัวกัน ดังนั้น เมื่อไปนวด หมอนวดคงใช้ศาสตร์นวดชั้นสูงมานวดให้

“การปรากฎตัวไปนวดที่เพลินจิต เพราะมีเสียงอื้ออึงไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว จึงต้องแสดงตัวให้เห็นว่ายังอยู่ แต่นั่นไม่ได้การันตีว่า วันที่ 18 มิ.ย.นี้ จะอยู่รอดปลอดภัยได้ประกันตัวจากคดี 112”

อีกทั้งกล่าวว่า สถานการณ์ของทักษิณ ขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นคณะผู้ดีลเดิมจะมีความโง่ไปเจรจาดีลใหม่แบบฉับพลันหรือไม่ เพราะการเจรจากับคนไม่มีสัจจะย่อมไว้ใจไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปถึงวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ที่อัยการนัดนำตัวไปฟ้องคดี ม.112 ต่อศาล ความโง่ฉับพลันชุดใหม่อาจเกิดขึ้นได้เสมอในประเทศไทย

“ไม่แน่ใจทักษิณจะกล้าไปตามนัดฟ้องคดี 112 ต่อศาล ยิ่งพลิกเทคนิคและตำราของผู้มีอำนาจแล้ว การหนีเอาตัวรอดเป็นเรื่องหลักที่ต้องทำก่อนจะคิดสู้เสมอ ดังนั้น ถ้ากรณีทักษิณไปศาล ย่อมเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ตัดสินใจในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงใหม่โดยได้การันตีให้ประกันตัว แต่ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ”

พร้อมกล่าวว่า ถ้านักโทษทักษิณ คิดหนีจะทำให้เงื่อนไขการพักโทษสิ้นสุดไป แล้วจะลามไปเรื่องราวอื่นอีกหลากหลายก็ไม่ง่าย และถ้าคิดจะกลับมารอบหน้าคงเป็นเรื่องยากตามลำดับ ดังนั้น ห้วงเวลาก่อนถึงวันที่ 18 มิ.ย.นี้ จึงเป็นเวลาต้องตัดสินใจกันอย่างหนัก

ส่วนการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีนั้น นายจตุพร กล่าวว่า คล้ายกับการเลือกตั้งที่นายก อบจ.เชียงใหม่เมื่อปลายปี 2563 ที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครอีกคนมาลงแข่งกับนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ คนเดิมที่ภักดีกับทักษิณและพรรคเพื่อไทยมาตลอด แต่จะไม่ส่งลงในนามพรรคเพื่อไทยกลับไม่บอกสักคำ

ดังนั้น นักโทษทักษิณไปงานบวชที่ปทุมธานีวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ย่อมมีเจตนาไปช่วยหาเสียงให้นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ที่มาแทนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ“บิ๊กแจ๊ส”ผู้รักเคารพทักษิณ ถึงขั้นสร้างตำนาน “มีวันนี้เพราะพี่ให้” แต่พี่ก็ไปส่งคนอื่นมาแข่งในนามพรรคเพื่อไทยแทน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่คนปทุมธานีหวังจะเลือกใครได้

สำหรับ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ถามคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงคุณสมบัติรัฐมนตรีนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ปกติ สลค.จะถามอย่างไรก็ตาม เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นผู้นำกราบบังคมทูลแต่งตั้งแล้ว ย่อมต้องตรวจสอบอีกครั้งเพื่อความถูกต้อง

"นายกฯ ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะที่กล่าวอ้างว่า ได้ถามกฤษฎีกาแล้ว แสดงว่าได้อ่านคำถาม สลค. แล้วไม่เห็นที่ตั้งคำถามไม่ครบถ้วนตาม รธน. 2560 มาตรา 160 เหรอ ซึ่งนายกฯ ต้องรู้และหนีความรับผิดชอบไม่พ้น โดยคาดว่าเรื่องนี้ ศาล รธน.จะวินิจฉัยประมาณ 10 ก.ค.นี้”

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อกราบบังคมทูลแต่งตั้งรัฐมนตรี แล้วเกิดความผิดพลาดขึ้นนายกฯ ต้องรับผิดชอบคนเดียวไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้ง ดังนั้น นายเศรษฐา ต้องรู้ถึงการตั้งคำถามไม่ครบถ้วน จึงแสดงถึงเจตนาที่จะได้คำตอบที่ไม่ครบเพื่อนำทูลเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี อีกอย่างถ้ามีเจตนาบริสุทธิ์ ควรทักท้วงให้ถามคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตีให้ครบถ้วนทั้งมาตรา 160 ของ รธน.2560 

อีกทั้งกล่าวว่า การออกแบบการเมืองประเทศไทยขณะนี้ คิดในมุมใดก็ยังไม่มีเรื่องของประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องสมบัติ อำนาจและผลประโยชน์ที่ผลัดกันชม ดังนั้น ถ้าประชาชนไม่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง ประเทศย่อมไม่มีวันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้

ประเทศไทยต้องมาก่อน

 


#จตุพรพรหมพันธุ์ #ทักษิณชินวัตร #มาตรา112 #ข่าววันนี้