วันที่ 8 มิ.ย.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เทพไท - คุยการเมือง ระบุว่า 

ทักษิณ คือปัญหาใหญ่ ของนิรโทษ ม.112

ก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร จะถูกอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องในความผิดมาตรา 112 นั้น กระแสการนิรโทษกรรมครอบคลุมถึงการกระทำผิด มาตรา 112 หรือไม่ มีทั้งฝ่ายคัดค้านและฝ่ายสนับสนุนเป็นไปตามปกติ แต่เมื่อมีประเด็นของนายทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ประเด็นการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิด ม. 112 ร้อนแรง มีผลกระทบทันที เพราะทุกฝ่ายมุ่งประเด็นไปที่นายทักษิณเป็นหลัก

แม้แต่พรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่กล้าขยับเรื่องนี้ รอดูท่าทีและกระแสสังคมก่อน กลัวเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนคราวสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ผลักดันการออกพรบ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย เพื่อล้างความผิดให้กับนายทักษิณและมวลชนคนเสื้อแดง กลุ่มนปช.

แต่การออกพรบ.นิรโทษกรรมในครั้งนี้ แตกต่างกับการออกพรบ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย เพราะเป้าหมายการออกพรบ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ ครอบคลุมทุกกลุ่มได้รับประโยชน์กันทุกฝ่าย ถ้ารวมถึงผู้กระทำผิดมาตรา 112 ด้วย เป็นการเซ็ตซีโร่ผู้กระทำผิดทางการเมืองอย่างแท้จริง

ถ้าหากพรรคเพื่อไทยมีความกล้าหาญที่จะผลักดัน พรบ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ให้ประสบความสำเร็จ และครอบคลุมถึงผู้กระทำผิดทุกกลุ่มไม่เว้นตัวนายทักษิณด้วย ก็สามารถทำได้ เฉพาะเสียงสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยรวมกับพรรคก้าวไกล ก็สามารถผลักดัน พรบ.นิรโทษกรรมนี้ได้สำเร็จแน่นอน

แม้ว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลออกมาแสดงจุดยืน คัดค้าน ไม่ให้นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำผิดมาตรา 112 ก็น่าไม่เป็นปัญหากับการร่วมรัฐบาล เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลแน่นอน หรือรัฐบาลจะให้การออกพรบ.นิรโทษกรรมเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ  ให้ทุกพรรคฟรีโหวต เป็นความรับผิดชอบของสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่ของรัฐบาล เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในหมู่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ก็สามารถทำได้

ผมจึงเรียกร้องให้ทุกพรรค ได้แสดงความกล้าหาญ ผลักดันกฎหมาย พรบ.นิรโทษกรรม เพื่อนิรโทษให้กับทุกกลุ่ม และถ้าไม่นิรโทษให้ครบทุกกลุ่ม ก็ไม่ควรออกพรบ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ออกมา เพราะไม่ตอบโจทย์เรื่องการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติ