ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มสูบในการกวาดล้างปัญหา “ซิมผี-บัญชีม้า” ของรัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ  สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เร่งหาวิธีตรวจคัดกรอง  “ผู้ถือครองซิมการ์ด” และ “ผู้เปิดบัญชีธนาคาร”  ให้เป็น “ชื่อเดียวกัน” ในระบบการโอนเงินออนไลน์

ปัจจุบันมีบัญชีโมบายแบงกิ้งทั้งหมด 106 ล้านบัญชี แต่พบว่ากว่า 30 ล้านบัญชี มีชื่อซิมการ์ดไม่ตรงกับโมบายแบงกิ้ง ที่สำคัญคือ ในจำนวนนี้เป็น “บัญชีม้า” สร้างปัญหาอยู่ในระบบเป็นอย่างมาก

และนับจากวันที่ 27 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 21 แห่ง ต้องส่งข้อมูลต่อไปนี้ภายในระยะเวลา 120 วัน อาทิ ชื่อเจ้าของบัญชี และเลขหมายโทรศัพท์ต่อ ปปง. ก่อนส่งให้ทาง กสทช. นำข้อมูลมาคัดแยกเครือข่ายตามผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละราย เพื่อตรวจสอบว่าชื่อเจ้าของเลขหมาย และชื่อเจ้าของเลขหมายนั้นตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีหรือไม่ หากถูกต้องตรงกันถือว่าเป็นบัญชีดี กระบวนการตรวจสอบนั้นจะจบไป สามารถใช้งานโมบายแบงกิ้งได้ตามปกติ แต่หากพบว่าไม่ตรงกันจะส่งข้อมูลดังกล่าวกลับไปยัง ปปง. ซึ่งต้องร่วมกับธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนกฎเกณฑ์ในการปฏิบัติยังอยู่ระหว่างหารือร่วมกัน

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ผู้ที่ใช้โมบายแบงกิ้งมีความกังวัลว่าอาจจะไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจาก “ซิมชื่อไม่ตรงโมบายแบงกิ้ง” และยังไม่ได้ไปแจ้งชื่อจดทะเบียนซิมให้เรียบร้อย จะโดนระงับ!!!

ล่าสุดผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS ,TRUE และ DTAC ออกมายืนยันว่า โมบายแบงกิ้งยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ก็ขอให้ลูกค้าอัปเดตชื่อจดทะเบียนซิมให้ตรงกับชื่อบัญชีธนาคารโดยเร็วตามระยะเวลาที่กำหนด

“AIS” หากต้องการอัปเดตชื่อจดทะเบียนซิมให้ตรงกับชี่อบัญชีธนาคาร สามารถทำได้ที่ AIS Shop, Telewiz ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ (ไม่มีค่าบริการ) หากไม่สะดวกอัปเดตชื่อ เช่น เป็นนิติบุคคล อยู่ต่างประเทศ เป็นชื่อคนในครอบครัว หรือ อื่นๆ ยังคงสามารถใช้โมบายแบงกิ้งได้ตามปกติ และหากมีการประกาศแนวทางที่ชัดเจนจากภาครัฐ จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ท่านทราบต่อไป

เช่นเดียวกับ “TRUE” และ “DTAC” ระบุว่า ลูกค้ายังคงใช้งานโมบายแบงกิ้งได้ตามปกติ จนกว่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนจาก ปปง. แจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ขณะที่ทาง “กสทช.” มีแนวทางกำกับดูแลบริเวณพื้นที่ชายแดน โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายดำเนินการหันเสาเข้าประเทศอย่างถาวร เพื่อควบคุมความแรงของสัญญาณไม่ให้ล้ำไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังเจอปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพในรูปแบบต่า ๆ ที่ผ่านการใช้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ต ออกมาตรการแก้ไขปัญหาระงับยับยั้งการกระทำที่อาจก่อให้เกิดการนำสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ในการกระทำผิด หรือสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย ดังนี้

1.ให้ดำเนินการรื้อถอนสายอากาศกรณีเสาที่มีการติดตั้งสายอากาศหันไปทางประเทศเพื่อนบ้านโดยตรง ส่วนเสาที่มีการติดตั้งห่างจากแนวชายแดนออกมาระยะ 200 เมตร เพื่อให้บริการในไทย แต่หันทิศทางไปประเทศเพื่อนบ้านให้ส่งข้อมูลการจำลองการแพร่สัญญาณ (Simulation) ให้สำนักงาน กสทช. พิจารณาด้วย

2. ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ตรวจสอบว่ามีเครื่องทวนสัญญาณ (Repeater) รับสัญญาณจากประเทศไทยไปเพื่อกระจายต่อหรือไม่ ถ้ามี ให้ระงับสัญญาณที่เข้าสู่ Repeater ดังกล่าว

และ 3. กรณีการให้บริการอินเทอร์เน็ตทางสาย ให้พิจารณาทราฟฟิกที่มีปริมาณมากผิดปกติ และรายงานให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการร่วมกับตำรวจว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมหรือไม่ รวมทั้งให้ผู้บริการทั้งทางสาย และไร้สาย ตรวจสอบ IP ที่ไปปรากฏว่ามีการใช้งานในประเทศเพื่อนบ้านว่ามีการใช้งานผิดวัตถุประสงค์หรือไม่

ทั้งนี้ ใน 7 พื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน ได้แก่ 1) อ.แม่สอด จ.ตาก 2) อ.แม่สาย จ.เชียงราย 3) อ.เชียงของ จ.เชียงราย 4) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 5) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 6) อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ 7) อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งมีการหันเสาออกนอกประเทศไทยได้มีการระงับสัญญาณรวมแล้ว 141 สถานี และปรับทิศทางสายอากาศเข้าประเทศแล้ว 67 สถานี

และถึงแม้ภาครัฐ และเอกชน จะพยายามที่จะสกัดกั้นการระบาดของ “ซิมผี-บัญชีม้า” แต่ก็ยังทันการแก้เกมของ “โจรไซเบอร์” จะแก้เกมอย่างรวดเร็ว เพราะมีการประกาศรับซื้อบัญชีม้าพร้อมซิมการ์ดแบบแพกคู่ โพสต์ผ่านกลุ่มลับในโซเชียลมีเดียอย่างมิเกรงกลัวกฎหมาย

“พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ” รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวว่า ค่าจ้างเปิดบัญชีม้า แบ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือ  ม้าขายขาด และ ม้าเลี้ยง  โดยม้าขายขาด ราคาบัญชีละ 1,000-1,500 บาท โดยรับเปิดบัญชี แล้วให้บัตร ATM และบัญชีกับผู้ว่าจ้างไปใช้เลย ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลว่าราคาพุ่งไปเกิน 1 หมื่นบาทแล้ว ส่วนม้าเลี้ยงจะมีการพาคนไปเปิดบัญชี โดยลงทุนซื้อโทรศัพท์ให้ และขอซิมการ์ด มีโมบายแบงกิ้ง หากมีปัญหาให้ไปแสดงตัวตนที่ธนาคาร ซึ่งจะได้รับเงินจากคนร้ายมีค่าดูแลเป็นรายเดือนไม่น้อยกว่า 30,000 บาท เป็นต้น

พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร  กสทช. ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยี ระบุว่าที่ผ่านมาบัญชีม้าสร้างปัญหาให้ระบบโมบายแบงกิ้งอย่างมาก หลังเริ่มกระบวนการเหล่านี้ก็จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้มากโดยผู้เป็นเจ้าของซิมผีผู้เปิดบัญชีม้าจะมีความผิดฐานตัวการหรือผู้ร่วมกระบวนการตามกฎหมายใหม่ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 คือ เปิดบัญชีหรือให้ผู้อื่นยืมใช้บัญชีของตนที่เปิดไว้ โดยที่รู้หรือพึงรู้ได้ว่าเขาจะไปใช้ในการกระทําความผิด มีโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท

สุดท้ายต้องติดตามว่ามาตรการตัดตอน “ซิมผี – บัญชีม้า” จะเป็นอย่างไร!?! สามารถอุดช่องธุรกรรมออนไลน์ผิดกฎหมายได้อย่างเป็นรูปธรรมมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญกระทบประชาชนน้อยที่สุด!!