คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย          

แทบไม่น่าเชื่อเลยที่แม้ว่า “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” จะถูกคณะลูกขุนทั้ง 12 คนลงมติแบบเป็นเอกฉันท์ โดยใช้เวลาไปทั้งหมดกว่า 10 ชั่วใมง

โดยผลการตัดสินชี้ออกมาว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์มีความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ 34 กระทง จากการปลอมแปลงข้อมูลทางด้านการเงินในช่วงก่อนการเลือกประธานาธิบดีปี 2016 เพื่อใช้ปิดปากความสัมพันธ์ลับๆของเขานั่นเอง!!!

เพราะหากเรื่องอื้อฉาวทางเพศถูกเปิดโปงออกมา ชาวอเมริกันคงทนไม่ได้และโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับเลือกเข้าสู่ทำเนียบขาวคงค่อนข้างลำบาก

ทั้งนี้ก่อนการเลือกตั้งปี 2016 “สตอร์มีย์ แดเนียลส์” ดาราสาวดาวโป๊ได้รับเงินมูลค่า 130,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 4.7 ล้านบาท เพื่อปิดปากมิให้เธอแพร่งพรายการมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งเขาปฏิเสธตลอดมาตราบเท่าทุกวันนี้

นับได้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ คือบุคคลที่มีพรสวรรค์พิเศษในด้านพูดปดมดเท็จแบบลื่นเป็นปลาไหลใส่รองเท้าสเก็ต เปรียบเสมือนศรีธนญชัยในนิทานพื้นบ้านเลยทีเดียว

อนึ่งการที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกพิพากษาตัดสินลงโทษในครั้งนี้ ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกาที่ถูกตั้งข้อหาในคดีอาญาและยังเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เดินขึ้น เดินลง เดินเข้า เดินออกศาลเป็นว่าเล่นอีกด้วย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางออกจากศาล ณ นครแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ก สีหน้าและท่าทางของเขามิได้แสดงอารมณ์ออกมาให้เห็นมากเท่าใดนัก โดยเขาแถลงต่อสื่อที่รวมตัวกันทำข่าวในวันนั้นว่า “การตัดสินของคณะลูกขุนเป็นความอับอาย”และได้โจมตี “ผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชาน” ที่รับหน้าที่ในคดีนี้ว่า “กระทำการฉ้อโกงประชาชนในประเทศของเรา”

ทั้งนี้ในช่วงพิจารณาคดี อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้พิพากษาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆที่เขาโดนสั่งห้ามมิให้เอ่ยปากโจมตีพยานและคณะลูกขุนก็ตาม แต่กลับปรากฎว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์กลับขัดขืน โดยเขายอมควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าปรับในการฝ่าฝืนคำสั่งศาลครั้งละหนึ่งพันดอลลาร์!!!

และแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่เพียงชั่วข้ามคืนคนอเมริกันที่มีความชื่นชมหลงไหลในตัวของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ต่างหลั่งใหลบริจาคเม็ดเงินสนับสนุนเขามากถึง 54 ล้านดอลลาร์

นอกจากนั้นแล้วระหว่างการพิจารณาคดียังเห็น “ประธานสภาฯ ไมค์ จอห์นสัน”และบรรดานักการเมืองในค่ายพรรครีพับลิกันที่จงรักภักดีเดินทางไปปรากฏตัวให้กำลังใจต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์กันอย่างต่อเนื่อง โดยนักการเมืองบางคนคาดหวังจะได้รับแต่งตั้งสักตำแหน่งในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ทั้งนี้หลังจากที่คณะลูกขุนทำการตัดสินคดีเสร็จสิ้นลงแล้ว ปรากฏว่าประธานสภาฯไมค์ จอห์นสัน ได้ออกมากล่าวประณามการตัดสินของคณะลูกขุนว่า “เป็นเรื่องที่น่าละอาย”

แต่กลับสวนทางกับบรรดาสำนักหยั่งเสียงชั้นนำที่ได้ออกมาเปิดเผยแบบแสนจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอาทิเช่น “สถานีโทรทัศน์ช่องเอบีซี” เปิดเผยออกว่า ชาวอเมริกันถึง 50% ลงความเห็นว่าการตัดสินของคณะลูกขุนเป็นไปแบบถูกต้องยุติธรรม และมีชาวอเมริกันอีก 49% ลงความเห็นกันว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์สมควรจะถอนตัวจากการลงแข่งขันประธานาธิบดี

ส่วนโพลของ “นิตยสารนิวส์วีก”เปิดเผยว่า ชาวสหรัฐฯ และคนอเมริกันอีก 51% ต่างเชื่อการตัดสินของคณะลูกขุน แต่ก็มีผู้ที่นิยมชมชอบในพรรครีพับลิกัน 15% ที่มีความคิดเห็นแบบตรงข้าม

สำหรับการหยั่งเสียงของ “สำนักโพล Morning Consulting” เปิดเผยออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 31  พฤษภาคม 2024 ว่า ชาวอเมริกัน 54% เห็นด้วยกับการตัดสินของคณะลูกขุน

แต่จากผลการหยั่งเสียงของสำนักข่าวรอยเตอร์สเปิดเผยออกมาแบบแตกต่างว่า ผู้ที่เป็นติ่งของพรรครีพับลิกันถึง 56% เล็งเห็นว่า ผลการตัดสินแบบเป็นเอกฉันท์ของคณะลูกขุนจะไม่ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมที่พวกเขามีให้แก่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์อย่างแน่นอน

ส่วนชาวอเมริกันที่ไม่สังกัดในค่ายพรรคการเมืองใดๆเลยกว่า 52% ลงความเห็นว่า การตัดสินของคณะลูกขุนถูกต้องและยุติธรรม

อย่างไรก็ตามเมื่อวันศุกร์ 31 พฤษภาคม 2024 ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาแถลงว่า “ข้าพเจ้าจะขอยื่นอุทธรณ์การตัดสินของคณะลูกขุน”

เท่ากับว่าการเมืองของสหรัฐฯขณะนี้อยู่ในภาวะมืดมนยังมองไม่เห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงค์ เพราะมีการแตกแยกเป็นสองฝักสองฝ่ายกันอย่างมากในแวดวงสังคมของสหรัฐฯ

โดยผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชาน ได้กำหนดที่จะตัดสินคดีของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งต่อไปในวันที่ 11 กรกฎาคม 2024 นี้

ยังมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายต่างออกมาคาดการณ์กันว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะถูกจำคุก หรือถูกปรับ หรือไม่ก็ถูกกักกันตัวอยู่ในบริเวณบ้าน

และยังมีนิตยสาร “Politico” ที่ได้ทำการสัมภาษณ์บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเมืองและทางประวัติศาสตร์ 22 คนว่า ชะตากรรมของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะออกมาในรูปแบบใด?

โดยมี “ทิโมธี นาฟตาลี” นักประวัติศาสตร์อาวุโส แห่ง “มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก”ได้ออกมาให้ทัศนะในแง่ที่ว่า “หลักนิติธรรมของสหรัฐฯจะตกอยู่ภายใต้การโจมตีทางการเมืองที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ”

“ไมค์ แมดริด”นักวางยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรครีพับลิกัน ก็ได้ให้ทรรศนะว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำตัดสินนี้ จะส่งผลเสียทางการเมืองต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย”

และยังมี “แคทเธอรีน รอสสส์” ศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย แห่ง “มหาวิทยาลัยวอชิงตัน” ได้ออกมาให้ความคิดเห็นว่า “คดีนี้กัดกร่อนหลักนิติธรรมของสหรัฐฯ”

ส่วน “ศาสตราจารย์เดวิด กรีนเบิร์ก” นักประวัติศาสตร์ แห่ง “มหาวิทยาลัย Rutgers University” ให้ความคิดเกี่ยวกับคดีนี้ว่า “เป็นการยืนยันให้เห็นแล้วว่า ไม่มีใครสามารถอยู่เหนือกฎหมาย”

ส่วน “ดร.อัลลัน ลิชท์แมน” นักประวัติศาสตร์ชื่อเสียงโด่งดังแห่ง “มหาวิทยาลัยอเมริกัน” ผู้ที่สามารถทำนายทายทักว่า ใครจะรับชัยชนะได้เข้าสู่ทำเนียบขาว? ได้อย่างถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ได้ออกมากล่าวว่า “หากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เกิดพ่ายแพ้การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ก็คงจะมาจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดอย่างมากมายมหาศาล อีกทั้งการตัดสินของคณะลูกขุนก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และทางการเมืองของสหรัฐฯอีกหนึ่งเหตุการณ์ในรอบ 235 ปีที่ผ่านมา โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดมากถึง 34 กระทง จากคณะลูกขุน 12 คนที่เป็นชาวอเมริกันบุคคลธรรมดาๆที่ต้องถูกปกปิดตัวตนเพื่อความปลอดภัย ก็ได้ตัดสินออกมาอย่างเป็นเอกฉันท์ และผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชาน ก็มีความยุติธรรมในการพิจารณาคดีนี้เป็นอย่างมาก”

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นดูเหมือนว่าหาก “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”ต้องการจะเอาตัวรอด จำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องเอาชนะใจชาวอเมริกันในวันเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายน 2024 ที่กำลังจะถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ให้ได้  แต่ก็ยังมีชาวอเมริกันที่เดินสายกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่แม้ว่าจะมีคะแนนเสียงเล็กน้อยเพียงแค่ 5% ก็ตาม แต่ก็อาจจะเป็นตัวชี้วัด และเข้าไปขัดขวางโอกาสเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งหนึ่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ละครับ