'สมคิด'มั่นใจ'เศรษฐา'แจงศาลรัฐธรรมนูญได้ชัวร์ เชื่อถกงบฯปี 68 ไร้ปัญหา ขอฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบ ด้าน"ชัยธวัช" ย้ำ 9 มิ.ย."ก้าวไกล" แถลงสู้คดียุบพรรค เชื่อไม่กระทบศาลรธน. ยันไม่จับมือ "เพื่อไทย" หากสถานการณ์การเมืองพลิกผัน เลขากกต. ส่งกำลังใจ จนท. สู้ต่ออย่าท้อ หลังศาลฯ รับคำร้องปมกฎหมายเลือก สว. 

     เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.67 นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3,752,700 ล้านล้านบาท รัฐบาลพร้อมนำเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้งบประมาณที่จัดทำขึ้นมาเพื่อรองรับการแก้ปัญหาปากท้อง การฟื้นฟูและการเติบโตประเทศในอนาคต
 

   รัฐบาลพร้อมให้พรรคฝ่ายค้านอภิปรายงบประมาณได้อย่างเต็มที่ ขอเพียงการอภิปรายควรต้องอยู่ในกรอบงบประมาณไม่ออกนอกเรื่อง รวมทั้งรัฐบาลพร้อมรับฟังและหากมีการเสนอแนะหรือข้อท้วงติงที่ดีจากฝ่ายค้านรัฐบาลจะนำไปปรับปรุงแก้ไข  ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีพร้อมชี้แจงเหตุผลของการจัดทำงบประมาณปี 2568 อย่างเต็มที่
   

 นายสมคิด กล่าวว่า ในส่วนของการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คน ยื่นให้ตรวจสอบนายเศรษฐานั้น จากการสอบถามพบว่านายเศรษฐาและทีมกฎหมายของรัฐบาลพร้อมชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย มั่นใจนายเศรษฐาสามารถชี้แจงได้และพร้อมนำพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้า อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปีนี้มั่นใจเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ทั้งจากการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้าน รวมทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนอย่างแน่นอน
   

 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกลว่า หลังจากที่พรรคได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้ว ลำดับถัดไปจะเป็นการขอยื่นการไต่สวนและบัญชีพยาน ซึ่งจะต้องยื่นหลังจากที่ส่งคำชี้แจงไปแล้ว โดยได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนบุคคลที่ไปเป็นพยานมีหลากหลาย มีรายชื่อใหม่ๆที่เกี่ยวกับประเด็นที่เราต่อสู้โดยเฉพาะ ดังนั้นหวังว่าศาลจะให้โอกาสในการที่จะไต่สวน  และพิจารณาข้อเท็จจริงกันใหม่อย่างเต็มที่ ส่วนจะใช้เวลานานในการไต่สวนหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในวันพุธที่ 12 มิ.ย.ก็จะทราบว่าศาลจะดำเนินการต่ออย่างไร จริงๆแล้วการที่จะเปิดไต่สวนหรือไม่ หรือเรียกพยานเพิ่มเติมกี่คน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคก้าวไกลจะยื่นพยานไปกี่คน
   

 ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าทางพรรคหวังจะให้เกมการพิจารณาครั้งนี้ยาว นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกับเกมยาวเกมสั้น แต่เกี่ยวกับประเด็นที่เราสู้ในแต่ละประเด็น ถ้าประเด็นไหนที่เราเห็นว่าจำเป็นต้องควรที่จะไต่สวนข้อเท็จจริงกันใหม่เราก็เสนอไป ซึ่งมีหลายประเด็น ดังนั้นพยานก็จะเยอะตามไปด้วย เมื่อถามถึงคำเตือนของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.จะมีการเตือนสมาชิกในการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร รวมถึงการแถลงการณ์ของพรรคในวันที่ 9 มิ.ย. นายชัยธวัช กล่าวว่า  ในวันที่ 9 มิ.ย.พรรคคงจะแถลงเหมือนเดิม เพราะเป็นเพียงแค่แถลงว่าพรรคก้าวไกลได้ต่อสู้ในประเด็นไหน อย่างไรบ้าง ซึ่งไม่ได้มีอะไรใหม่มากกว่าที่อยู่ในคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอยู่แล้ว และคงไม่ไปกระทบกับกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนคิดว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปหลักตามกฎหมาย ตามหลักนิติรัฐ ตนคิดว่าศาลไม่ต้องกังวลอะไร
   

 เมื่อถามย้ำว่า มองคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาอย่างไร นายชัยธวัช  กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฎหมาย อธิบายได้ พี่น้องประชาชนยอมรับได้ ตนคิดว่าไม่ต้องมีความกังวลอะไรว่าจะไปกระทบต่อการพิจารณาของศาลได้ ส่วนที่มีการมองว่าอาจเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองจนอาจเกิดความวุ่นวายได้นั้น คงไม่เกี่ยวกับการชี้แจงของพรรคก้าวไกล
 

   ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินแฟนคลับของพรรคก้าวไกลอย่างไรเกี่ยวกับคดีนี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า เท่าที่สัมผัสเวลาเราลงพื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะให้กำลังใจและไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค และพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่เจอกันก็จะฝากว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะสนับสนุนพรรคก้าวไกลต่อไป ซึ่งจะเป็นการให้กำลังใจเป็นส่วนใหญ่ เมื่อถามย้ำว่าหากท้ายที่สุดแล้วพรรคก้าวไกลถูกยุบจะเกิดกระแสลุกขึ้นมาต่อต้านคำวินิจฉัยหรือไม่ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อย่าพึ่งคิดไปไกลเกินไป ขอให้รอดูคำวินิจฉัยก่อนดีกว่า
 

   เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่สว.ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าจะมีการล้มรัฐบาล และยุบพรรคก้าวไกล  นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนติดตามกระแสข่าวไม่ได้ทราบข้อเท็จจริงว่าตกลงแล้วมีจริงหรือไม่มีจริง เพราะบรรยากาศทางการเมืองแบบนี้โดยภาพรวมกระทบต่อแน่นอน และเสถียรภาพทางการเมือง เหมือนกัน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ แม้เราเป็นฝ่ายค้านเราก็ห่วงบรรยากาศทางการเมืองแบบนี้ เพราะกระทบกับหลายๆฝ่าย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการที่จะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ถ้าเสถียรภาพทางการเมืองไม่แน่นอนก็จะกระทบอย่างแน่นอน
 

   เมื่อถามต่อว่า ในปัจจัยที่เกิดขึ้นมองว่าจะทำให้เกมการเมืองเปลี่ยนขั้วได้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เกมการเมืองจะพลิกผันหรือพลิกขั้วได้หรือไม่ ตนคิดว่าตอนนี้คนพูดกันมากคือสุดท้ายจะนำไปสู่การเปลี่ยนตัวนายกฯหรือไม่ ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นประเด็นหลัก ส่วนเรื่องพลิกขั้วในความหมายที่ว่าหากมีการเปลี่ยนตัวนายกฯในเร็วๆนี้ พรรคก้าวไกลมีโอกาสหรือไม่ที่จะไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล ตรงนี้ตนก็ต้องตอบย้ำอีกครั้งว่าคงเป็นไปไม่ได้
   

   ผมคิดว่าพรรคก้าวไกลเรามองไปข้างหน้า ไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้า และต้องยอมรับว่าสภาพแวดล้อมทางการเมืองแบบนี้ต่อให้ตั้งรัฐบาลได้ก็อาจจะบริหารไม่ได้ เมื่อถามว่า เมื่อถึงนาทีนั้นแล้วพรรคเพื่อไทยมาทาบทามอีกเราปฏิเสธแน่นอนใช่หรือไม่ นายชัยธวัช  กล่าวว่า อย่างที่เรียนแล้ว และจริงๆอย่าไปพูดอย่างนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยเขาไม่เคยมาทาบทามอะไร
   

 นายชัยธวัช ยังได้กล่าวถึงการเลือกสว.ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจคำร้องเกี่ยวกับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.มองว่าการเลือกสว.จะผ่านพ้นไปด้วยดีหรือไม่ ว่า ต้องยอมรับว่ามีข้อกังวล เพราะดูเหมือนจะมีปัญหาตลอดรายทาง และอาจจะเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการฟ้องร้อง ร้องเรียน จนกระทั่ง ทำให้การประกาศผลสว.ชุดใหม่เกิดขึ้นได้อย่างล่าช้า หรืออาจจะถูกล้มไปเลยหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมกังวลอยู่ แม้พรรคก้าวไกลจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ก็จับตาดูอยู่ เพราะจะมีผลทำให้ไม่ได้สว.ชุดใหม่เสียที เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าเมื่อมีกระบวนการเลือกสว.แล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องรับรองและประกาศรายชื่อสว.ชุดใหม่ภายในกี่วันเหมือนกับส.ส. เมื่อไม่มีการกำหนดที่ชัดเจนก็หมายความว่าถ้ากระบวนการมีการร้องเรียนเข้ามาแทรก จนทำให้กกต.ไม่สามารถประกาศรายชื่อได้ก็เท่ากับว่าสว.ชุดเดิมก็จะเป็นสว.ไปเรื่อยๆซึ่งไม่น่าจะดีมากนัก
   

 ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ศาลรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้วกฎหมายลูกต้องแก้ไขกระบวนการเลือกสว.อาจต้องยาวนาน 1-2 ปี ซึ่งอาจทำให้ผลกระทบทางการเมืองตามมา นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้ามีผลกระทบก็จะทำให้สว.ชุดเก่าทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมไม่น่าอยากเห็น ซึ่งตนหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่วินิจฉัยว่าพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าการได้มาซึ่งสว.ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะพ.ร.บ.ฯก็บังคับใช้มาตั้งนานแล้ว
   

 เมื่อถามว่า จะมีการเรียกร้องไปยังกลุ่มสว.ชุดเดิมที่มีการเคลื่อนไหวที่อาจจะนำไปสู่การล้มกระดานเลือกสว.หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีใครบ้างที่เคลื่อนไหว แต่อาจจะต้องระมัดระวังเพราะอาจถูกมองว่าเป็นการที่จะเตะถ่วงที่จะให้ตัวเองอยู่ในอำนาจไปเรื่อย ๆจริงๆ แล้วถ้าจะถามว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ใครก็ต้องโยนความผิดให้คสช. และคนที่ร่างรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ว่าจะเป็นพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯและระเบียบต่าง ๆเป็นผลมาจากการออกแบบรัฐธรรมนูญ จนทำให้กลไกในการได้มาซึ่งสว.ไม่สมเหตุสมผลตั้งแต่ต้น ซึ่งถือเป็นต้นทาง
   

   ผมคิดว่าถ้าคนที่เห็นดีเห็นงามกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กับการออกแบบสว.ตั้งแต่ต้น และปกป้องรัฐธรรมนูญปี 60 ตั้งแต่ต้น พอมาถึงจังหวะที่ตนเองจะต้องหมดอำนาจ ไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ ผมคิดว่าไม่น่าจะเหมาะสม เพราะไม่เคยเห็นสว.ชุดเดิมโวยวายตั้งแต่แรกว่าที่มาของสว.ไม่ควรเป็นแบบนี้ มีแต่ประชาชน และนักการเมืองบางส่วนไม่เห็นด้วยที่สว.เป็นแบบนี้ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งประชาชนโดยตรง นายชัยธวัช กล่าว
 

   มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า เมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งข้อความผ่านไลน์ผู้บริหารของสำนักงาน กกต. ระบุถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย 4 มาตราของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.2561 เกี่ยวข้องกับวิธีการเลือก สว.ทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107 หรือไม่ ว่า พี่น้องครับ วันนี้พวกเราก็คงเห็นเพรสข่าวของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งเกิดก่อนวันเลือก สว.ระดับอำเภอไม่กี่วัน คนทำงานในพื้นที่คงมีคำถามในใจว่า เอาไงแน่ เอาไงต่อ พี่น้องก็คงรอคำตอบ และอยากได้คำตอบโดยเร็ว
 

   เพื่ออธิบายสถานการณ์ให้แก่มิตรที่ร่วมกันทำงานในพื้นที่ มีสิ่งที่อยากบอกพี่น้องในยามที่เราต้องเจอสภาพแบบนี้ ประการที่ 1 อย่าใจเสีย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเงื่อนไขภายนอกอยู่เหนือการควบคุมของเรา เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยแท้ และคงจะคลี่คลายโดยเร็ว ดูจากที่ศาลฯ ให้ชี้แจงภายใน 5 วัน ประการที่ 2 สำนักงานฯไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังเพรสข่าว ได้เชิญ ดบล.และ สกม. มาร่วมหาทางออกในชั้น สนง.โดยคำนึงถึง ข้อกฎหมาย ผลกระทบ ความเสียหาย ทั้งแก่ส่วนรวมและองค์กร และเกียรติภูมิของเรา ได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้วและจะได้เสนอ กกต. พิจารณาโดยเร็ว อาจจะเป็นวันศุกร์นี้ (7 มิ.ย.)

     ประการที่ 3 อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไร เป็นปัญหาข้อกฏหมาย มีมุมมองและเหตุผลที่จะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้เตรียมใว้แล้ว เมื่อ กกต. เห็นเป็นอย่างไร แต่ที่เราต้องพบเจอแน่ ๆ คือ อาจจะรู้สึกเหนื่อยและอึดอัดในช่วงนี้อยู่บ้างเหมือนเวลาหยุดอยู่กับที่ แต่เมื่อทำงานใหญ่ก็ต้องเจอปัญหาแบบนี้ มันเป็นหน้าที่ และสำนึกของพวกเรา
   

   แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายมันจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะผมเชื่อว่าเรารับผิดชอบบ้านเมืองได้ พี่น้องเรามีจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่เคยบ่น ไม่ท้อถอย ในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอปัญหาใด ๆ ขอส่งกำลังใจ และฝากกำลังใจถึงน้อง ๆ และเพื่อนร่วมงานจากหน่วยอื่นที่ช่วยเหลือ สนับสนุน งานของเราด้วยดีเสมอมา รักศรัทธาคนทำงาน เลขา กกต.
   

 วันเดียวกัน ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การเลือก สว.2567 อาจไม่สามารถประกาศผลในวันที่ 2 ก.ค.2567 ได้เพราะมีปัญหากติกาและการบังคับใช้ 1.ปัญหากติกาการเลือก 1.1 ปล่อยให้คนที่ไม่ใช่ผู้สมัครจริงเข้ามาเลือกคนอื่นได้ 1.2 ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาช่วยแนะนำตัวผู้สมัครได้ และสามารถใช้สื่อแนะนำตัวผู้สมัครเอาเปรียบผู้สมัครคนอื่นได้  2.ปัญหาการบังคับใช้ (กกต.) 2.1 ปล่อยให้คนทำผิดตาม 1.1 และ1.2 มาสมัครได้ 2.2 ปล่อยให้กลุ่มการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์ใด สามารถจัดตั้งคน 2.กลุ่มนี้ทำผิดกฎหมายเลือก สว.ได้