บมจ.ไทยวา (TWPC) ฉายภาพธุรกิจยังแข็งแกร่ง เดินหน้าปูพรมขยายตลาดกลุ่มธุรกิจอาหาร พร้อมขยายฐานการผลิตออกสู่ต่างประเทศ ชูกลยุทธ์เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายและเร่งออกโปรดักส์ใหม่ เสริมศักยภาพการเติบโตในอนาคต รองรับดีมานด์ลูกค้า มั่นใจหนุนผลงานปี 67 โตต่อเนื่อง

นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC) ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและเส้นก๋วยเตี๋ยว และผู้นำในภูมิภาคเอเชียด้านส่วนผสมในการประกอบอาหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯยังคงติดตามสถานการณ์การขาดแคลนหัวมันสำปะหลังในปี 2567 อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลกระทบ พร้อมปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยการจัดหามาตรการเพื่อจัดหาหัวมันให้เพียงพอแก่ความต้องการตามแผนการผลิต อาทิ การนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วย รวมถึงการส่งเสริมการเพาะปลูกแบบ Smart Farming เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกรในเครือข่าย และสามารถลดความเสี่ยงในการขาดแคลนหัวมันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อีกทั้ง โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ ในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการผลิตแล้วในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ยังถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยงด้านแหล่งวัตถุดิบและสร้างผลผลิต เพื่อรองรับความต้องการของ ROSE Brand ในอนาคต

ทั้งนี้บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายในด้านธุรกิจอาหาร ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายช่องทางการขายและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยปีนี้ เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 4-5 รายการ พร้อมกันนี้จะบริหารต้นทุนโดยการนำเทคโนโลยีในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อลดผลกระทบจากราคาวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าพลังงานที่รับสูงขึ้น อีกทั้งอยู่ในระหว่างศึกษาความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ในการขยายช่องการขาย เพื่อสนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

“ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นที่จะสร้างการเติบโตทางด้านยอดขายทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านการขยายทั้งฐานการผลิต ช่องทางการจัดจำหน่าย การทำการตลาด และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเพื่อขยายฐานลูกค้า และขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันให้ภาพรวมทั้งปีและในระยะยาว สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง“นาย โฮ เรน ฮวา กล่าว

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109 ล้านบาท หรือ 4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 2,517 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 66 ล้านบาท