วันที่ 6 มิ.ย.2567 เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงถึงการประชุมกมธ.ในช่วงบ่ายวันนี้ (6 มิ.ย.) ว่า กมธ.จะพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการฯ ที่ศึกษาในประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นข้อเสนอของคณะกรรมการกลั่นกรองคดีนิรโทษกรรม ที่มีข้อถกเถียง และความละเอียดอ่อน ทั้งนี้ในข้อเสนอขององค์ประกอบของกรรมการกลั่นกรองนั้น
ขณะนี้มี 2 แนวทาง คือ แนวแรก เห็นว่ากรรมการกลั่นกรองควรมาจากสภาฯ ให้ประธานสภาฯ เป็นประธานกรรมการ และมีตัวแทนของฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญ กรรมการสิทธิมนุษยชน บุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม และแนวทางสอง กรรมการที่มาจากฝ่ายบริหาร ให้นายกฯหรือรมว.ยุติธรรมเป็นประธาน และมีตัวแทนจากผู้เชี่ยวชาญ ตัวแทนจากสภาร่วมด้วย ทั้งนี้ในข้อเสนอให้มาจากฝั่งบริหารเพื่อสะดวกต่อการใช้งบประมาณและการติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมจะพิจารณาหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวเป็นหลัก
เมื่อถามถึงประเด็นที่มีการโต้แย้งในกรณีการนิรโทษกรรมมาตรา 112 ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 นายชัยธวัช กล่าวว่า กมธ.ไม่ได้พูดคุยเรื่องมาตรา 6 ทั้งนี้การนิรโทษกรรมมาตรา 112 นั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วในระบบกฎหมายไทย ทั้งนี้มีสิ่งที่เป็นประเด็นมากกว่า คือเมื่อเกิดข้อถกเถียง จะมีข้อเสนออย่างไร เพื่อทำให้เกิดกระบวนการยอมรับได้เรื่องนิรโทษกรรม
“มีการเสนอแอมเนสตี้โปรแกรม โครงการนิโทษกรรมให้กับคดีบางประเภท ไม่เฉพาะ มาตรา 112 เท่านั้น เพราะมีคดีอื่นๆ เช่น คดีทำผิดต่อชีวิตและร่างกาย ซึ่งปกติไม่ควรได้นิรโทษกรรม เพราะถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง เช่นกรณีปาระเบิดใส่กลุ่มกปปส. ที่เคยถามตัวแทนแกนนำกปปส.ว่ากรณีดังกล่าวยอมให้อภัยหรือไม่ ซึ่งเขาระบุว่ายอมให้อภัย
ดังนั้นการจะได้นิรโทษกรรมอัตโนมัตินั้นไม่เหมาะสม ดังนั้นควรมีกระบวนการ อย่าคิดแต่เฉพาะ มาตรา 112 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีข้อถกเถียงเยอะ แต่การนิรโทษกรรมมาตรา 112 เคยเกิดขึ้นในสังคมอย่ามองไกลว่าขัดมาตา 6 เพราะเป็นละเรื่อง” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า กรรมการกลั่นกรอง จะทำหน้าที่พิจารณานิรโทษกรรม คดีมาตรา 112 และคดีละเอียดอ่อนแทนกมธ.ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า กรรมการจะเป็นองค์กรหลักพิจารณา เพราะสภาพข้อเท็จจริงที่กำหนดช่วงการนิรโทษกรรม ซึ่งกินเวลา 20ปี มีความหลากหลายของคดีจำนวนมาก อีกทั้งความผิดบางฐาน เช่น ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในรายละเอียดไม่มีเฉพาะเรื่องการเมืองเท่านั้น จึงต้องมีกรรมการกลั่นกรองเรื่องว่าเรื่องใดเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ ทั้งนี้กลไกของกรรมการต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้
เมื่อถามว่าการศึกษาของกมธ. ในตอนท้ายสังคมจะยอมรับได้ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องรอดูข้อสรุปว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้เป็นความพยายามแสวงหาความเห็นร่วมในสภาฯ ที่มาจากหลายพรรคการเมือง ทั้งนี้ในกระบวนการแอมเนสตี้โปรแกรม ที่อนุกรรมการเสนอ มีรายละเอียด เช่น กระบวนการยอมรับผิด เปิดเผยข้อเท็จจริง รวมถึงการฝ่าฝืนจะถูกยกเลิกสิทธินิรโทษกรรม เป็นต้น ซึ่งกมธ.ชุดใหญ่จะพิจารณาสรุปในรายละเอียดอีกครั้ง