วันที่ 1 มิ.ย.67-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้โพสต์เฟซบุ๊ค "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า ...
“จตุพร” เชื่อทักษิณปอดแหก ไม่กล้ามาศาลคดี 112 หวั่นติดคุก ไม่ได้ประกัน ลั่นครั้งนี้วิษณุก็ช่วยไม่ได้ เย้ยสมุนเพื่อไทยมันสายไปแล้ว คิดนิรโทษกรรมเพื่อนายทุนเจ้าของพรรคคนเดียว ย้อนบทเรียนสุดซอยยังจำได้หรือไม่?
เมื่อ 5 มิ.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า มันสายเกินไปแล้วที่นายวิษณุ เครืองาม และพรรคเพื่อไทย จะคิดหาช่องทางนิรโทษกรรมช่วยนักโทษทักษิณ ชินวัตร ให้รอดคดี ม. 112 โดยไม่ต้องติดคุกเหมือนกลับบ้านเมื่อ 22 ส.ค. 2566
อีกทั้งอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ขินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยบอกว่า กรณีนายวิษณุ มาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ด้านกฎหมายเท่ากับมาช่วยนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้ แต่ไม่ได้พูดว่า ประเทศไทยจะอยู่ได้หรือไม่ ตรรกแบบนี้ยิ่งพูด ประชาชนยิ่งไม่สบายใจ พูดมากยิ่งติดลบ และถ้ามาเป็นนายกฯ วันไหนก็พังวันนั้น
สิ่งสำคัญการอยู่หรือไปของนายเศรษฐา ตนไม่เชื่อจะเกี่ยวกับนายวิษณุ เพราะสมัยเป็นรองนายกฯ ยุคทักษิณ ชินวัตร ได้ช่วยให้ทักษิณถูกคดีมาแล้วจนศาลตัดสินให้ติดคุก 12 ปี นับพร้อมเหลือ 8 ปี และมาได้ลดโทษเหลือ 1 ปีเมื่อกลับไทย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของนายวิษณุทั้งสิ้น เมื่อมาอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับทำให้ ครม.ปลอดภัยจากคดี ดังนั้น จึงขึ้นอยู่ว่า นายวิษณุ เป็นรองนายกฯ ในยุคที่ใครเป็นนายกฯ ด้วย
"วันนี้นายวิษณุ มาอยู่กับนายเศรษฐา ถามว่าเศรษฐาจะเหลือคดีกี่ปี เพราะผมไม่เชื่อว่านายวิษณุจะเป็นเครื่องการันตีว่าเศรษฐาจะรอดหรือไม่รอด ถ้าทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ผมเชื่อ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มีของลักษณะพันธุ์พิเศษ ถือปืนเข้ามา ดังนั้น การอยู่กับคนไม่ได้ถือปืนเข้ามาจะได้เพียงความสบายใจที่ถูกแต่งตั้งให้มีอำนาจเหนือนายกฯ เท่านั้น"
นายจตุพร กล่าวว่า ในเดือน มิ.ย.การเมืองจะเกิดเรื่องหลากหลาย ทั้งศาล รธน.นัดพิจารณาข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกลในวันที่ 12 มิ.ย. และคาดว่าถัดไปในวันที่ 19 มิ.ย.คงตัดสิน ถึงที่สุดพรรคก้าวไกลคงไม่รอดจากการวินิจฉัยให้ยุบพรรคค่อนข้างแน่นอน
อีกทั้งกล่าวว่า วันที่ 18 มิ.ย. เป็นวันที่อัยการนัดนำตัวนักโทษทักษิณ ไปฟ้องศาลอาญาในคดี ม.112 นอกจากนี้วันที่ 10 มิ.ย.ศาล รธน.จะชี้ขาดคำร้อง 40 สว.ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ออกจากนายกฯ ดังนั้น ดีลการเมืองจะจบลงใน มิ.ย. นี้ เพราะการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เป็นข้อตกลงเฉพาะตัวแล้ว ประเทศและประชาชนจึงไม่ได้ประโยชน์ใดๆ ด้วย
"มีการท้าทายว่า 18 มิ.ย. ทักษิณ พร้อมไปศาลอาญาและได้ประกันตัว แต่ผมไม่เชื่อว่าคนพวกนี้จะเอาชีวิตไปแลกกับการเข้าคุก เพราะคนที่เสพสุขกับสมบัติมากมายจะเข้าไปติดคุกแบบเดิมพันตายเป็นตาย มันไม่มีในพวกพ่อค้านักธุรกิจการเมือง มีเพียงนักต่อสู้เท่านั้นที่เอาชีวิตเข้าแลก”
อีกอย่างทักษิณพูดถูกยัดข้อหานั้น เป็นการพูดหลังจากกลับไทยและได้รับพระบรมราชโองการลดโทษ ถามว่าสมควรหรือไม่ ดังนั้น เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ใครจะเข้ามาค้ำประกันได้ และบรรดาขบวนการดีลทั้งหลายยังกล้าการันตีกันหรือไม่ เพราะสถานการณ์ไปไกลเกินกว่าจะยอมรับกันได้แล้ว
"ผมเชื่อว่า 18 มิ.ย.นี้ ลูกผีลูกคนแน่นอน ทักษิณจะไปตามนัดนำตัวไปฟ้องศาลอาญาหรือไม่ แต่โอกาสที่ไม่มาสูงมาก เพราะสิ่งสำคัญคือ การเข้าคุกครั้งนี้จะไม่ง่ายเหมือน 22 ส.ค. (วันกลับไทย ไม่ติดคุก และได้นอน รพ.ตำรวจ) อีกต่อไปและสถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย”
นายจตุพร กล่าวว่า นายวิษณุบอกว่า โดยส่วนใหญ่คดี 112 จะได้รับการประกันตัว จึงเป็นเพียงความคิดเห็น สิ่งสำคัญแล้วส่วนใหญ่ไม่มีพฤติกรรมหนีคดีเช่นกัน ย่อมไม่มีใครมาการันตีได้ ดังนั้น จึงควรทบทวนด้วยว่า เมื่อได้รับโอกาสกลับไทยแล้ว ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาตัวเองได้ทำอะไรไว้บ้าง ซึ่งไม่มีใครจะรู้ดีไปกว่าตัวเอง อีกทั้งคดีพรรคก้าวไกล คดีนายเศรษฐา และทักษิณ จะอยู่ในห้วงเวลาเดียวกัน ถัดจากนั้นถ้าการเลือก สว.หากกฎหมายขัด รธน.แล้ว การเมืองทุกอย่างเคว้งทันที
ส่วนการนิรโทษกรรมนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อทักษิณ ถูกคดี 112 ยิ่งทำให้พรรคร่วมรัฐบาลยิ่งไม่เห็นดีด้วยกับการนิรโทษคดี 112 แล้วจะมีแนวโน้มแบบพรรคเพื่อไทยเคยออก พรบ.นิรโทษกรรมสุดซอยเพื่อทักษิณ มาแล้วเมื่อปลายปี 2556 ดังนั้นเรื่องนี้จะะกลายเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นระเบิดเวลาของพรรคเพื่อไทยอีก
"ถ้าวันที่ 18 มิ.ย.ทักษิณไม่มาศาลจะงามไส้เลย แล้วถ้าไปเสนอนิรโทษกรรมย่อมหนักเข้าไปใหญ่ ปัญหาจะเกิดวนกลับมาใหม่เพื่อคนๆ เดียว ไม่รู้จดจำบทเรียน แต่ทำให้ประชาชน ประเทศชาติเสียหายซ้ำๆ มากที่สุด"
ประเทศไทยต้องมาก่อน