สำหรับอุตสาหกรรมไมซ์คือฟันเฟืองสำคัญที่สร้างรายได้มหาศาล นักเดินทางไมซ์ก็คือนักเดินทางเชิงธุรกิจ คนกลุ่มนี้มาทำงานด้วยและหลังเสร็จสิ้นเจรจาธุรกิจแล้ว ก็มักเที่ยวตบท้ายเป็นทริปรางวัลของชีวิต มีสถิติน่าสนใจบอกว่า เทียบกันแล้ว การใช้จ่ายของนักเดินทางไมซ์มากกว่านักเดินทางทั่วไปถึง 5 เท่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับอุตสาหกรรมด้านนี้จึงต้องมีการพัฒนา เพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละกลุ่ม เพื่อรองรับกับความต้องการของโลกอย่างทันท่วงที
ยกระดับไมซ์ในประเทศมีมูลค่าสูงขึ้น
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานอุตสาหกรรมไมซ์สะสมในรอบครึ่งปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.2566-มี.ค.2567) มีจำนวนนักเดินทางรวมทั้งสิ้น 12,996,924 คน สร้างรายได้รวม 77,764 ล้านบาท แบ่งเป็นนักเดินทางไมซ์ต่างประเทศจำนวน 636,694 คน รายได้ 36,721 ล้านบาท และนักเดินทางไมซ์ในประเทศจำนวน 12,360248 คน รายได้ 41,043 ล้านบาท
ซึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2567 มีส่วนสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดังนี้ ก่อให้เกิดการใช้จ่ายจากการจัดกิจกรรมไมซ์หมุนเวียนในประเทศรวมมูลค่า 146,828 ล้านบาท มีส่วนสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจรวมประมาณ 129,258 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.69% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ อีกทั้งยังสร้างรายได้ในรูปภาษีให้แก่รัฐบาลรวมประมาณ 6,346 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเต็มเวลา 195,930 คน
อีกทั้งจากที่มีนักเดินทางไมซ์ในประเทศจำนวน 12,360248 คน สร้างรายได้ 41,043 ล้านบาท จึงทำให้ทีเส็บจับมือพันธมิตรร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศภายใต้แคมเปญ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” ชูอัตลักษณ์ชุมชน สร้างแรงจูงใจดึงการจัดงานประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลของกลุ่มองค์กรธุรกิจออกไปสู่ภูมิภาค ยกระดับไมซ์ในประเทศสู่จุดหมายปลายทางมูลค่าสูงขึ้น
โดยทีเส็บได้ร่วมกับพันธมิตร 16 หน่วยงาน จัดทำแคมเปญการตลาดสำหรับอุตสาหกรรมการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศ ด้วยแนวคิด "ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย" เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศตามแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยความหลากหลายของอัตลักษณ์เชิงพื้นที่และสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่า (Authentic Experience) ยกระดับไมซ์ไทยสู่จุดหมายปลายทางมูลค่าสูงแห่งเอเชีย (High Value-Added Destination)
ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป
พร้อมกันนี้ นางสาวประชุม ตันติประเสริฐสุข ประธานฝ่ายการตลาด สมาคมโรงแรมไทย และอุปนายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) กล่าวเสริมว่า ในเวลานี้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมจึงทำให้ผู้ประกอบการในหลายๆ อุตสาหกรรมต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการให้ตรงจุดมากที่สุด
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไมซ์ จะต้องร่วมมือกันจุดประกายการนำไปต่อยอด สร้างน้ำหนักให้กับการประชุม รุมรักเมืองไทย และสามารถใช้เป็นฐานส่งต่อให้ชุมชนรวมพลังสร้างจุดขายในระดับประเทศ ซึ่งทางสมาคมโรงแรมไทยในฐานะพันธมิตรหลักของแคมเปญ ได้นำเสนอส่วนลดและสิทธิพิเศษให้กับองค์กรต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย ทั่วประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจในเมืองไทยที่มีต้นทุนวัตถุดิบในระดับชุมชนที่หลากหลาย ทั้งอาหาร สินค้า ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม สถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถนำมารังสรรค์สร้างเสน่ห์และความหมายให้กับการประชุมหรือกิจกรรมของการประชุม เป็นสารตั้งต้นให้ผู้ร่วมงานเห็นคุณค่า นิยมชมชอบ ถนอมรักษาต้นทุนเหล่านี้ ให้ทุกคนที่เข้าร่วมได้เรียนรู้ และสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม
ประสบการณ์ตรงที่ทุกคนสัมผัสได้
ส่วนนางสาวกฤษณี ศรีษะทิน อุปนายกสมาคมฝ่ายพัฒนาศักยภาพ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้า และผู้ก่อตั้ง บริษัท Stream Events Asia ผู้เชี่ยวชาญการจัดงานไมซ์โดยเฉพาะทริปการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล เจาะกลุ่มต่างชาติเป็นหลัก กล่าวว่า กลุ่มอินเซนทีฟ ทราเวลคือการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ลูกค้าคือกลุ่มบริษัทต่างๆ ที่เขาวางเป้าให้พนักงาน โดยการท่องเที่ยวเป็นรางวัลได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมันคือประสบการณ์ตรงที่ทุกคนได้สัมผัส
ซึ่ง นางสาวกฤษณี กล่าวว่า อินเซนทีฟเป็นตัวเดียวในธุรกิจไมซ์ (M I C E) ที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย อย่าง M C E จะเปลี่ยนไปตามกระแสโลก ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เช่น M ตอนช่วงโควิดจะเปลี่ยนจากการจัดประชุมแบบ virtual มาจัดแบบออนไลน์ ทั้ง Conference และ Exhibition ด้วย แต่ Incentive ไม่ใช่ เพราะเป็นประสบการณ์ที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง ต้องได้เห็นผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ซึ่งเทคโนโลยีช่วยไม่ได้ ดังนั้นอินเซนทีฟกับการท่องเที่ยวเลยพึ่งพิงกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันสร้างรายได้มากกว่าท่องเที่ยวทั่วไป เพราะมันมีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหลักๆภายในประเทศเป็นจำนวนมาก