เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 5 มิ.ย.67 ที่โรงพยาบาลพระปกแกล้า จันทบุรี นายแพทย์ธีรพงษ์ ตุนาค ผู้อำนวยการ พร้อมทีมหมอศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระปกเกล้าฯ และ โรงพยาบาลศิริราช ร่วมได้ทำภารกิจผ่าตัดและเคลื่อนย้ายอวัยวะสำคัญจากผู้บริจาคไปยัง โรงพยาบาลศิริราช เพื่อปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย โดยในภารกิจเคลื่อนย้ายอวัยวะทางรถยนต์ครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุน จากตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรจันทบุรี เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย ตลอดจนทีมศัลยแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช คอยจัดการจราจรอำนวยความสะดวกตลอดจนระยะทาง และส่งต่อช่วงผ่านแต่ละจังหวัด

โดยภารกิจเคลื่อนย้ายอวัยวะ ครั้งนี้ ประกอบด้วย หัวใจ ไต และดวงตา มีขบวนรถตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 3 จันทบุรี รถฉุกเฉินทีมศัลยแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช รถฉุกเฉินกู้ชีพกู้ภัยฯ ออกจากโรงพยาบาลพระปกเกล้า จากนั้นตำรวจทางหลวงในแต่ละพื้นที่ รับช่วงนำขบวน ตามเส้นทาง ทล.3 
เข้า ทล.344 ต่อเนื่อง มอเตอร์เวย์ (ทล.7) ด่านบ้านบึง มุ่งหน้าทางพิเศษศรีรัช ลงยมราช ซึ่งเมื่อเข้าเขต กรุงเทพฯ จะมี จราจรโครงการพระราชดำริ บก.จร. นำขบวนสู่ 
ตึกสยามมินทร์ โรงพยาบาลศิริราช ต่อไป 

นายแพทย์ธีรพงษ์ เปิดเผยว่า ภารกิจในการเคลื่อนย้ายหัวใจครั้งนี้ ได้รับการบริจาคอวัยวะผ่านสภากาชาดไทย โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลขลุง จันทบุรี ก่อนจะส่งตัวมาที่ โรงพยาบาลพระปกเกล้า เนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือน จากการตกหลังคา เมื่อบ่ายวันที่ 2 มิ.ย. ซึ่งทางทีมแพทย์ ได้ทำการรักษาอย่างเต็มความสามารถ แต่มีภาวะสมองตายเมื่อวันเช้าวันที่ 4 มิ.ย. ทางญาติจึงประสงค์บริจาคอวัยวะ ต่อมาทางพระปกเกล้า ได้ติดต่อไปยังสภากาชาดไทย จึงได้ส่งทีมศัลยแพทย์ 
จากโรงพยาบาลศิริราช พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์มาทำการผ่าตัดเก็บอวัยวะ ประกอบด้วย หัวใจ / ไต ทั้ง 2 ข้าง / กระจกตา 4 ดวง ( ดวงตา 1 คู่ ) รวมถึงการเตรียมผู้ที่รอคอยการปลูกถ่าย โดยเฉพาะ หัวใจ ที่ถือเป็นอวัยวะสำคัญ และมีระยะเวลาในการขนย้ายไม่เกิน 4 ชั่วโมงเท่านั้น ทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเก็บอวัยวะและรักษาหัวใจในภาชนะที่มีการควบคุมอุณหภูมิ

ขณะที่ นายเกษม วิมลลักษณ์ อายุ 60 ปี บิดาของ นายเฉลิมพล วิมลลักษณ์ หรือ บูบู้ อายุ 36 ปี ผู้บริจาคอวัยวะ ได้กล่าวความรู้สึกว่า ในฐานะพ่อ ทั้งเสียใจและดีใจ จนไม่สามารถแสดงออมาได้ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวครั้งนี้ แม้จะสูญเสียลูกชาย แต่ความดีที่สมัยยังมีชีวิตอยู่ได้ทำอย่างสม่ำเสมอ จึงถือโอกาสบริจาคอวัยวะให้สภากาชาดไทยเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ถือเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ ให้กับลูกชายและหากลูกรับรู้สัมผัสได้ อยากบอกรู้ว่า คนทำดีแล้วต้องทำดีต่อจนวาระสุดท้าย