เมื่อวันที่ 5 มิ.ย พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 มอบหมายให้ พล.ต.ต.นิคม เครือนพรัตน์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก , พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.วรการ กาศเกษม รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ สุดหอม สว.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกันจับกุมตัวนายบุญเชิด อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 270/2567 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2567 กระทำความผิดในข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
สำหรับพฤติการณ์ของคนร้ายรายนี้จากแนวทางการสืบสวนพบว่าได้ขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน xxxx พิษณุโลก ซึ่งจากการจรวจสอบทราบชื่อผู้ครอบครองรถคือนายบุญเชิด ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุโขทัย และเข้ามาในพื้นที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567
และช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันเดียวกัน คนร้ายได้ขับรถเข้ามาที่วัดท่ามะปราง แล้วเข้าไปตัดโซ่โบสถ์แล้วลักพระพุทธชินราช ลงลักษณ์ปิดทอง ขนาดหน้าตัก 9 นิ้วไป จากนั้นช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ได้ขับรถเข้ามาที่วัดราชบูรณะ ตัดโซ่พระวิหารหลวงพ่อทองดำ ลักพระพุทธรูปเชียงแสน ขนาดหน้าตัก 6 นิ้ว พร้อมด้วยเครื่องสังคโลกจำนวนหนึ่ง ออกไปจากวัด และกลับที่พักที่รีสอร์ทที่พัก
จากแนวทางการสืบสวน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในวัด รวมถึงตามเส้นทางที่หลบหนีหลังก่อเหตุ พบว่าคนร้ายรายนี้บวชเป็นพระอยู่ที่วัดเกาะไม้แดง ม.6 ต.วังลึก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย จึงได้นำตัวไปตรวจสอบและทำการศึกลาสิกขาบท ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ก่อนนำตัวมาทำการสอบสวนที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก พร้อมของกลาง เป็นพระพุทธรูป ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 5 องค์ เศียรพระพุทธรูป จำนวน 2 เศียร ถ้วยชามสังคโลก และอุปกรณ์ในการใช้ก่อเหตุจำนวนหนึ่ง
สอบสวนนายบุญเชิด ให้การว่า เป็นชาวอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ช่วงก่อเหตุได้บวชๆสึกๆมาหลายรอบ ก่อนก่อเหตุขโมยพระพุทธรูป ที่อำเภอเมืองพิษณุโลก ได้ไปบวชแก้บนเพื่อให้หายป่วยจากอัมพฤกษ์ ที่วัดเกาะไม้แดง ม.6 ต.วังลึก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ส่วนเหตุจูงใจที่มาขโมยพระพุทธรูป ครั้งนี้นั้น ต้องการนำเงินไปซ่อมรถยนต์ของตน ซึ่งคาดว่าค่าซ่อมหลายพันบาท สำหรับพระพุทธรูปที่ขโมยนั้นจะเน้นพระพุทธชินราช เนื่องจากตนต้องการไปขายออนไลน์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่าพระในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย หากถามว่ากลัวบาปหรือไม่ ส่วนตัวกลัวแต่อยากได้เงินไปซ่อมรถ อย่างไรก็ตามตำรวจไม่ปักใจเชื่อเพราะนอกจากของกลางพระพุทธรูป และเครื่องสังคโลก จาก 3 วัดแล้ว ยังพบเศียรพระโบราณ อีก 2 เศียร ยังไม่ทราบว่าเป็นเศียรพระจากยุคไหน และเป็นของวัดไหน อยู่ระหว่างการประสานทางกรมศิลปากรเข้าตรวจสอบอีกครั้ง