วันที่ 5 มิ.ย.67 ที่จ.สมุทรปราการ นายสุทิน คลังแสง   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประเด็นที่ นายปารมี  ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาค้านที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดการอบรมเรียนรู้ประวัติ   โดยมีวิทยากรเป็นทหาร  ซึ่งมองว่าเด็กนักเรียนจะไม่กล้าแสดงออก และไม่มีความคิดสร้างสรรค์  หากยังคงท่องจำแต่เรื่องเดิมๆ รวมทั้งทำให้เสียงบประมาณแบบป่าวประโยชน์  รวมทั้งเด็กขาดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้  ว่า เรื่องการศึกษา การปลูกฝังจิตสำนึก และการปรับเปลี่ยนทัศนคติของคน ตามหลักวิชาการมีกระบวนการปรับเปลี่ยนทัศนคติปลูกฝังค่านิยม ซึ่งตรงนี้ฝ่ายค้านต้องไปศึกษาทฤษฎีการเรียนรู้ประวัติศาสตร์อีกมาก อีกทั้งไม่แปลก และไม่มีปัญหา เอาบุคคลใดมาเป็นวิทยากรก็ได้ และบุคลากรครูมีวิจารณญาณว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในฐานะที่ท่านเป็นครูมาก่อน มองว่าการเรียนประวัติศาสตร์สำคัญหรือไม่ นายสุทิน ตอบชัดว่า สำคัญ เพราะการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากคำว่าประสบการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ และประสบการณ์เรียนรู้ สำเร็จ ล้มเหลว เกิดจากการเรียนรู้ในอดีต  ฉะนั้น การศึกษาประวัติศาสตร์มันจะได้ประสบการณ์จากอดีต ว่าสิ่งใดสำเร็จ สิ่งใดล้มเหลว  "อดีตรับใช้ปัจจุบัน ปัจจุบันนำไปใช้การวางแผนในอนาคต"

เมื่อถามว่า การที่ นายปารมี สส.พรรคก้าวไกล ออกมาค้าน มองว่ามีจุดประสงค์อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสุทิน ระบุว่า คิดมุมเดียว คือ ต้องก้าวหน้าเพียงอย่างเดียว โดยลืมข้างหลัง แม้กระทั่งทำเหมือนว่าไม่ต้องเคารพพ่อแม่

เมื่อถามว่า การที่นางสาวอมรัตน์ อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ไม่ใช่กิจของทหารที่จะไปเดินสายอบรมให้ความรู้ เรื่อง 3 สถาบันหลักของชาติ นายสุทิน ระบุว่า คำว่าความรู้ได้มาจากทุกแหล่ง แหล่งใดที่มีประสบการณ์ หรือมีความรู้ด้านนั้นๆ ก็สามารถนำมาเป็นครูได้ทั้งนั้น

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ตนเห็นต่างจากพรรคก้าวไกล หากบอกว่าทหารไม่ควรไปเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องความรักชาติ ซึ่งตนย้ำว่า ใครก็เป็นวิทยากรได้ หากเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญ โดยเฉพาะเรื่อง

เมื่อถามว่า โดยเฉพาะ 3 สถาบันหลักของชาติ สำคัญต่อการเรียนรู้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า สำคัญ เพราะเป็นโครงสร้างหลักของประเทศ