วันที่ 5 มิ.ย. 67 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม.ดินแดง นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่หนึ่ง นายอำนาจ ปานเผือก รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่สอง และ นางสาวนฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์โฆษกสภากรุงเทพมหานคร แถลงผลงานต่อสื่อมวลชน ในวาระการดำรงตำแหน่ง ครบรอบ 2 ปี
นางสาวนฤนันมนต์ กล่าวว่า สภากรุงเทพมหานครถือเป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติของกรุงเทพมหานคร มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้งหมด 50 คน ที่มาจากการเลือกตั้ง มีอำนาจหน้าที่แยกจากกันกับฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่ออกกฎหมาย ติดตามการทำงาน และช่วยสนับสนุนการบริหารกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2567 สภากรุงเทพมหานครมีการประชุมสภากรุงเทพมหานคร จำนวน 40 ครั้ง มีกระทู้ถามของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร 53 กระทู้ เรื่องที่คณะกรรมการพิจารณาเสร็จแล้ว 54 เรื่อง เรื่องที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเสนอ 32 เรื่อง และมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเสนอญัตติด้วยกันทั้งหมด 109 เรื่อง และเสนอญัตติด้วยวาจา ทั้งหมด 23 ญัตติ
สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ชุดปัจจุบัน เป็นชุดที่ 13 เริ่มทำหน้าที่ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.65 ครบวาระการดํารงตําแหน่ง 2 ปี วันนี้ (5 มิ.ย.67) ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สภากรุงเทพมหานคร(สภากทม.) ได้ประชุมสภากรุงเทพมหานคร เพื่อสะท้อนปัญหาจากการลงพื้นที่ของ ส.ก. จากนั้นจึงรวบรวมนํามาเป็น กระทู้ ญัตติ เพื่อนํามาอภิปรายให้ฝ่ายบริหารกทม.รับทราบ และเร่งแก้ปัญหา โดยส.ก.เสนอญัตติด้วยกันทั้งหมด 109 เรื่อง และเสนอญัตติด้วยวาจา ท้ังหมด 23 ญัตติ นอกจากนี้ยังได้เปิดให้ประชาชน ร่วมรับฟังการประชุมสภากรุงเทพมหานครด้วย
จากการประชุมสภากทม.ทั้งหมด มีการตั้งคณะกรรมการสามัญประจำสภากรุงเทพมหานครเพื่อศึกษา พิจารณา ติดตาม ตรวจสอบ และให้ข้อเสนอแนะการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีทั้งหมด 12 คณะ เช่น คณะกรรมการกิจการสภา คณะกรรมการตรวจรายงานการประชุม คณะกรรมการการศึกษา คณะกรรมการการโยธาและผังเมือง คณะกรรมการการสาธารณสุข เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการวิสามัญ 24 คณะ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อศึกษาปัญหาเรื่องต่าง ๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร และเสนอรายงานผลการศึกษาต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและส่งให้ฝ่ายบริหารพิจารณา
นางกนกนุช กลิ่นสังข์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตดอนเมือง ในฐานะประธานคณะกรรมการสาธารณสุข กล่าวว่า คณะกรรมการเน้นยกระดับสาธารณสุขของกทม. เช่น ผลักดันให้ศูนย์บริการสาธารณสุขกทม. เปิดพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ป่วย เพิ่มจำนวนแพทย์ ปรับโครงสร้างให้ทันสมัย รองรับประชาชน รวมถึงผลักดันการก่อสร้างโรงพยาบาลในพื้นที่ต้าง ๆ เช่น บางนา ภาษีเจริญ คลองสามวา สายไหม ส่วนการตัดสินใจขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร กทม. เป็นหลัก
นางลักขณา ภักดีนฤนาถ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตทวีวัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการการศึกษา กทม. กล่าวว่า คณะกรรมการทำหน้าที่ประสานงานโรงเรียนทั้ง 437 แห่ง เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการติดตาม การทำงานของโรงเรียนในสังกัดที่ตนดูแล 16 แห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดเรียน รวมถึง ประชุมร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ ทั้ง 10 ฝ่าย เพื่อติดตามปัญหาของโรงเรียน เช่น ตัดต้นไม้ ลอกท่อ พ่นยาป้องกันยุงลาย ส่วนแผนต่อไปในอนาคต เน้นผลักดัน ยกระดับ 437 โรงเรียน ให้เป็นโรงเรียนนานาชาติ ลดความเหลื่อมล้ำ ภายใน 2 ปี ก่อนตนหมดวาระ
นางสาวรัตติกาล แก้วเกิดมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตสายไหม ในฐานะประธานคณะกรรมการการจราจรและการขนส่ง กล่าวว่า เรื่องการใช้หนี้บีทีเอส สภากทม.เห็นประโยชน์ในการผลักดันให้เกิดการชำระหนี้ ปัจจุบันกำลังผลักดันเรื่องกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัย การทำป้ายรถเมล์ให้เพียงพอ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ปัญหาปัจจุบันคือ สภากทม.ต้องหารือกับหลายฝ่ายเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจร ไม่มีอำนาจตัดสินใจฝ่ายเดียว จากการหารือได้รับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพื้นที่รถติด เช่น หน้าไอคอนสยาม จากนี้คณะกรรมการตั้งเป้าผลักดันด้านการจราจรให้ดีขึ้นทั่วกรุงเทพฯ
นายวิรัตน์ กล่าวว่า สภากทม.ชุดปัจจุบัน เป็นชุดที่เราภูมิใจ เนื่องจากมาจากการเลือกตั้งซึ่งว่างเว้นมา 9 ปี ซึ่งสภากทม.ชุดนี้ เป็นชุดที่ประชาชนเลือกมา จึงมีการลงความเห็นกันว่าควรมีการถ่ายทอดสดการประชุมสภากทม.เป็นครั้งแรก ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 2 ปี เนื่องจากต้องการให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครเข้าถึงการประชุมสภากทม. โดยการถ่ายทอดสด ประชาชนสามารถส่งคำถามผ่านช่องทางไลฟ์สดได้ และมีการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปและหน่วยงานต่าง ๆ เข้ารับชมการประชุมสภากทม.ได้ โดยมีการจัดเตรียมห้องไว้ให้โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ยังจัดมีการประชุมร่วมกับจังหวัดติดกับกรุงเทพมหานคร เช่น สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจะมีการดำเนินการต่อไป รวมถึง ยังมีการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ 9 ประเทศ 17 เมือง เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นในการพัฒนาเมือง เช่น สมาร์ทซิตี้ ศิลปวัฒนธรรม บทบาทหน้าที่ทั้ง 12 คณะ เช่น การจราจร การศึกษา รวมถึงขยายความสัมพันธ์ และจะมีการขยายพื้นที่ความสัมพันธ์กับประเทศอื่นต่อไป ตามโครงการบ้านพี่เมืองน้อง ซึ่งทำให้สภากทม.ได้รับประโยชน์หลายเรื่อง เช่น เรื่องรถดับเพลิง การสร้างนักเรียนแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการดำเนินการเรื่องรถไฟฟ้า
นอกจากนี้ สภากทม.ชุดนี้ ยังมีการริเริ่มแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภากทม. เนื่องจากที่ผ่านมาจำนวนสมาชิกสภากทม.แต่ละชุดไม่คงที่ และมีสัดส่วนพรรคการเมืองเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และสภากทม.ชุดนี้ยังมีการศึกษา พ.ร.บ.กรุงเทพเทพมหานคร ปี 2528 เพื่อแก้ไขให้เหมาะสมกับการบริหารจัดการ เช่น เพิ่มผู้ช่วย ส.ก.ในพื้นที่ เป็นต้น
นางชญาดา กล่าวว่า ในส่วนของภารกิจด้านการต่างประเทศ สภากทม.ได้เดินหน้าสานสัมพันธ์ กระชับมิตร สภาบ้านพี่เมืองน้องอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันสภากทมปได้ทําข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างเมืองต่างๆ ทั้งหมด 17 เมือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบริหารจัดการเมือง การท่องเที่ยว การขนส่งสาธารณะ การศึกษา การพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถนํามาปรับใช้กับการบริหารงานของสภากทม.
นายอำนาจ กล่าวว่า จากโครงการบ้านพี่เมืองน้อง ทำให้สภากทม.มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะเมืองฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้รับความรู้เรื่องระบบการระบายน้ำที่ดี รวมถึงมีการบริจาคสมทบทุน และสนับสนุนสภากทม.ในหลายเรื่อง