เศรษฐา ขอรูดซิปปากจุดยืนดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เผย อุ๊งอิ๊งบอกทักษิณสบายดี มั่นใจไม่หนีคดีไปต่างประเทศ ปลื้มผลงานรัฐบาล 6 เดือน แต่ยังมีอีกหลายอย่างต้องทำเพิ่ม ด้าน'วิษณุ' ปฏิเสธนั่งที่ปรึกษาของนายกฯ แลกเปลี่ยนไตฟรี บอกถกครม.นัดแรกนายกฯ ยังไม่มอบหมายงานพิเศษ เผยยังไม่เห็นทำคำชี้แจงศาลรธน. ปม 40 สว.ร้องถอดถอน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนกรณีที่มีข่าวพรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยจะมีการล้างความผิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีมาตรา 112 ด้วย ว่า ตามที่บอกไปแล้ว ได้พูดไปแล้วเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากพูดอีกในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังโดนคดีนี้อยู่ นายเศรษฐา ตอบว่า ได้พูดไปเยอะแล้ว ขอไม่พูดเรื่องนี้ คำถามต่อไปเลยครับ
เมื่อถามว่า ล่าสุดคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของสภาฯ ได้มีการพิจารณาประเด็นนี้ จะเข้าข่ายความผิดทางการเมืองหรือไม่ เพราะสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยมีเรื่องนี้แล้วต้องสูญเสียอำนาจไป นายเศรษฐา กล่าวว่า จุดยืนชัดเจนแล้ว ตนพูดไปแล้วเรื่องนี้
ผู้นสื่อข่าวถามว่า นายกฯ ช่วยดับข่าวลือได้หรือไม่ว่านายทักษิณยังอยู่ในประเทศ ไม่ได้หนีออกไปต่างประเทศตามที่มีข่าว และได้มีการติดต่อกันหรือไม่ นายเศรษฐา หัวเราะพร้อมตอบว่า ได้เจอน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในงานเมื่อเช้า ก็ได้ถามถึงคุณพ่อ ซึ่งน.ส.แพทองธารได้บอกว่าพ่อสบายดี ผมมั่นใจท่านไม่ได้ออกนอกประเทศ และผมคิดว่าท่านพร้อมสู้ เพราะไปอยู่ต่างประเทศมา 17 ปีแล้ว มันนานพอแล้วแหละครับผมว่า และเชื่อว่าวันนี้ท่านก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นขวากหนามที่ต้องเข้ามาก็ต้องว่ากันไป แต่ผมพูดแทนท่านไม่ได้ แต่ก็คิดว่าท่านคงไม่ได้คิดจะไปไหนหรอกครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นายเศรษฐา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงผลงาน 6 เดือนรัฐบาลมีอะไรต้องปรับเพิ่มเติม และอะไรคือผลงานที่โดดเด่นที่สุดในสายตาของนายกฯ หลังโพลของรัฐบาลโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุเรตติ้งดีขึ้น ว่า ได้อ่านผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติมาเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องของการเกษตร พืชผลเกษตร ราคาพืชผล ราคาอาหาร และหนี้เกษตรกร การแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งได้มีการจับเพิ่มได้ขึ้น 4 เท่า แต่เรียนตามตรงว่ายังไม่เพียงพอ เพราะยังทำได้อีก เนื่องจากราคายาบ้าต่อเม็ดยังไม่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ตนได้ประสานให้มีการลดดอกเบี้ยในธนาคารหลัก 0.25 % ก็ถือได้ว่าช่วยแบ่งเบาให้กับประชาชนได้
สำหรับการปราบอาชญากรรมไซเบอร์มีการอายัดทรัพย์ไปได้แล้วถึงกว่า 6 พันล้านบาท เป็นเรื่องที่เราพอใจ แต่ยังมีกรณีที่ต้องทำอีกมากนอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับกลุ่ม ที่มีความหลากหลายและผลักดันตาม ร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องบีโอไอและผู้แทนการค้าไทยได้ไปเจรจาเอานักลงทุนเข้ามาก็ยังมีการทำอย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่เรายังต้องทำต่อเนื่องคือเรื่องของการศึกษา ซึ่งยังเป็นปัญหาของประเทศไทย ผมคิดว่าต้องมีการพัฒนา และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เรื่องของหนี้ครัวเรือนก็พยายามต้องหาทางลดกันต่อไป ถือเป็นภาระหลัก เรื่องปัญหา Capacity Utilization กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในโรงงานต่างๆซึ่งทำได้น้อยลง ปัจจุบันใช้อยู่แค่ 57 % เท่านั้นเอง หน้าที่ของเราก็คือต้องพยายามกระตุกให้มีการผลิตเกิดขึ้น เพื่อให้มีการจ้างงาน ซื้อmaterial(วัสดุ)ใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นการเปิดตลาดใหม่ๆในเวทีโลก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญนายกฯกล่าว
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า บรรยากาศการประชุมในวันนี้ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษาตนเอง โดยเลขาคณะรัฐมนตรี ก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองได้เรียบร้อยดี และในการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ก็ได้ให้นโยบายการประชุมไม่ให้มีวาระจรเข้ายังที่ประชุม เมื่อถามว่า ได้ดูคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีต่อศาลรัฐธรรมนูญ แล้วหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะมีการส่งให้ตนในวันนี้ แต่ยังไม่ได้ดู เพราะไม่รีบส่ง เนื่องจากจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญให้ทันวันที่ 7 มิถุนายนนี้
ส่วนได้มีการพูดคุยกับเลขาคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการทำคำชี้แจงดังกล่าวหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนยังไม่ได้ดูเลย ซึ่งเดี๋ยวจะเข้าไปดู เพราะจะมีการส่งมาให้ตนในวันนี้ และไม่ทราบว่าตนเองจะต้องดูคำชี้แจงคนเดียว หรือร่วมกับเลขาคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งขณะนี้คำชี้แจงยังมาไม่ถึงตนเอง เมื่อถามว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีการฝากงานอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ฝากตน แต่ฝากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะครม.เขาก็รู้ว่าเรื่องไหนเกี่ยวกับใครคนนั้นก็ไปจัดการ ส่วนเรื่องรายละเอียดให้ทางโฆษกรัฐบาลเป็นผู้แถลง
นายวิษณุ ยังกล่าวด้วยว่า จะเข้าร่วมคณะรัฐมนตรีทุกวันอังคารแต่ของเว้นการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรต่างจังหวัด ส่วนห้องทำงานตนได้เข้าไปดูแล้วเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา เป็นห้องทำงานเดิมของรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เกษียณอายุราชการ เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการตอบรับมาช่วยงานรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขว่าจะได้รับการเปลี่ยนไต ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ไม่จริง เพราะตนไม่เปลี่ยนไต ตนบอกกับหมอแล้ว และหมอก็เห็นด้วยว่ายังไม่ควรจะเปลี่ยนไต เพราะการเปลี่ยนไตทำให้ต้องกินยากดภูมิต้านทาน ซึ่งเมื่อสักครู่ตนได้พูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าต้องกินยากดภูมิต้านทาน ซึ่งคนเราเมื่อภูมิต้านทานลดลง โรคอื่นก็แทรกได้ง่าย
นอกจากนี้ การที่จะหาไตมาให้แมตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในกรณีของนายภูมิธรรมนั้นได้ เพราะเป็นไตของลูก แต่ส่วนตนไม่อยากเอาไตลูก ทุกวันนี้ก็อยู่สบายปกติดี ตนก็ฟอกไตทุกวันเป็นระเบียบเรียบร้อยดี แต่อยากยุ่งนิดหน่อยตรงที่วันอังคารต้องคื่นเช้า เพราะปกติถ้าอยู่บ้านตนจะตื่นประมาณเที่ยง ๆ บ่าย ๆ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีนายเศรษฐาแต่งตั้งนาย เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ว่า ตนต้องแสดงความยินดีกับนายเศรษฐาที่ประสบความสำเร็จในการเชิญนายวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เพราะนายวิษณุเป็นรองนายกฯมาตั้งแต่ปี 2545 เป็นหลายครั้งรวมถึงรัฐบาลชุดที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่สุดคือนายวิษณุ มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย มีลูกศิษย์เต็มบ้านเมืองจนได้ฉายา กูรูกฎหมาย ส่วนนี้จะทำให้รัฐบาลมั่นใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญในเรื่องต่างๆ และการที่นายวิษณุ มาอยู่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จะมีส่วนสำคัญกับการประชุม เพราะจากประสบการณ์การประชุมคณะรัฐมนตรีมาหลายสมัย บางเรื่องที่ผ่านสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มาแล้ว ในที่ประชุมมีการอภิปรายลงลึกเกี่ยวกับข้อกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ได้ เมื่อมีนายวิษณุ อยู่ในที่ประชุมจะสามารถชี้แจงประเด็นเหล่านี้ได้ดี
"คิดว่ารัฐบาลจะมีนโยบายเกี่ยวกับการปฏิรูประบบราชการแน่นอนเพราะครั้งสุดท้ายทำเมื่อปี 2545 เป็นเวลากว่า 26 ปีมาแล้ว นายวิษณุสามารถใช้ประสบการณ์มาช่วยตรงนี้ได้"
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าเป็นการใช้คนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ นายสุริยะ กล่าวว่า ถ้าวิจารณ์อย่างนั้น ตนอยู่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ตนคิดว่าเรากำลังก้าวสู่การปรองดองเป็นมิติสำคัญที่สุด สังคมคงมองเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญจึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นประเด็น
ส่วน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายกฯ แต่งตั้งนายวิษณุเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ จะสะท้อนถึงการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ว่า เป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่ตนไม่รู้ แต่มองว่า นายวิษณุ เป็นปราชญ์เป็นผู้รู้ ตนเข้ามาทำงานได้พบและรู้จักกับนายวิษณุ มีการพูดคุยกันมาตลอด นายวิษณุไม่เคยให้ร้ายใคร ให้แต่องค์ความรู้ ไม่มีอะไรที่ท่านให้ร้ายใคร ท่านพูดในองค์ความรู้ที่มีอยู่ ท่านเป็นปราชญ์ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหาย และการที่นายกรัฐมนตรีไปเชิญนายวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาได้ ตนว่านายกฯ เขาอัจฉริยะ เราได้ผู้รู้และผู้มีประสบการณ์แนะนำ รัฐบาลก็จะไปได้ดี ส่วนภาพลักษณ์แล้วแต่คนมอง ถ้าเรามองในเรื่องความปรองดอง ตนว่ามันจบเลย คนไม่อยากให้ปรองดองก็อาจจะมองดูว่าเป็นอย่างไรต้องยอมรับ ว่าส่วนหนึ่งที่มาวิพากษ์วิจารณ์เพราะไม่ได้รู้ซึ้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าฟังแล้วเข้าใจจะเป็นเรื่องบวกมากๆ ทำให้ทุกอย่างเดินไปได้ด้วยดีในความถูกต้องและมั่นใจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยถูกมองว่าไม่มีมือกฎหมาย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร แล้วแต่คนจะพูด ตนฟังคำพูดผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง บางคนก็ชอบค้าความขัดแย้ง ก็ว่ากันไป ถ้าเราไม่มีความรู้อื่นใด เราก็ต้องใช้วาทะ โวหาร ค้าความขัดแย้ง ประเทศชาติเสียหาย เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การตอบลักษณะนี้เท่ากับยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีมือกฎหมายจริงๆ ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ว่าตนว่านายวิษณุเก่งที่สุด ก็หมายความว่าเก่งที่สุดแล้ว ผู้อื่นเขาก็รู้แบบในเรื่องประสบการณ์ ท่านดีที่สุด
ด้าน นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์ในปัจจุบันทุกคนต่างจับตามองไปที่รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำว่าจะไปรอดไหม ฝ่ายเชียร์ก็อยากให้รัฐบาลทำงานต่อไปจะได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนได้ เพราะเชื่อมั่นในฝีไม้ลายมือพรรคเพื่อไทย ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบปีแล้วประชาชนก็เริ่มเห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงค์ สินค้าเกษตรหลายรายการทั้งข้าวอ้อยและยางพาราดีขึ้นทันตาเห็น เกษตรกรมีความหวังทันที พี่น้องที่มีหนี้สินก็พอมีใช้จ่าย อย่างน้อยก็ดีกว่า 9 ปีที่แล้วมา
สำหรับเศรษฐกิจมหภาค นายกฯ ก็เดินสายต่างประเทศเพื่อไปเชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งมีนักลงทุนตอบรับมากมายเตรียมขนกระเป๋ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว ยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนและยุโรปแห่กันมาเที่ยวไทยมากมายมหาศาลจนแทบจะเดินชนกัน สินค้าไทยที่ไปขายในต่างประเทศก็เพิ่มมากขึ้น ออเดอร์สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมขยับตัวสูงขึ้น ถึงขนาดกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าและคาดการณ์การขยายตัวการส่งออกจะเริ่มสูงขึ้นในปี 2567-และปี 2568-2569 การส่งออกก็จะมีลู่ทางขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
หากรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปีเศรษฐกิจดีขึ้นมากกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้แน่นอน ความเป็นอยู่ในสังคมจะดีขึ้นตามลำดับ ปัญหายาเสพติดจะลดลง เพราะรัฐบาลเศรษฐาเอาจริง ปรับเปลี่ยนการครอบครองบาย้าจาก 5 เม็ดเหลือเพียง 1เม็ด จะเป็นผู้ค้าทันที และได้เห็นการจับยาบ้าล็อตใหญ่ๆ เพิ่มมากมากขึ้นตลอด และบอกได้เลยว่าภายในสิ้นปีนี้ยาบ้าจะต้องลดลงและในปลายปีนี้ กัญชาจะถูกปรับไปเป็นยาเสพติดตามนโยบายรัฐบาลแน่นอน
นายพายัพ กล่าวต่อว่า ขอวิงวอนพี่น้องประชาชนว่ารัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำต้องการมาแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศเศรษฐกิจปากท้องประชาชนที่หมักหมมมานานร่วม 10ปี ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาบ้างแต่เมื่อผ่านไปได้ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ส่วนเรื่องการเมืองที่ยังมีปัญหานั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาตามกลไกรต่างๆ เมื่อผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป เพียงแต่ขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาล