เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2567 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตนติดตามข่าวที่นายวิษณุ เครืองาม ไม่อยากเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน โดยกล่าวอ้างในทำนองที่ว่า ไม่อยากยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ก็แปลกใจ เพราะนายวิษณุ เคยยื่นมาแล้วหลายครั้ง ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กรณี จึงเป็นเหตุให้ต้องย้อนไปดูบัญชีทรัพย์สินและรายได้ในครั้งก่อน ๆ รวม 5 ครั้ง และพบข้ออันควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อไป ตามข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
ข้อ 1. นายวิษณุ เครืองาม ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2548 โดยแจ้งว่าตนเองมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 19,347,188.68 บาท และแจ้งว่าคู่สมรสมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 9,996,071.85 บาท รายละเอียด ป.ป.ช. ทราบอยู่แล้วนั้น
ข้อ 2. นายวิษณุ เครืองาม ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2549 โดยแจ้งว่าตนเองมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 17,084,362.67 บาท และแจ้งว่าคู่สมรสมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 15,044,365.20 บาท รายละเอียด ป.ป.ช. ทราบอยู่แล้วนั้น
ข้อ 3. นายวิษณุ เครืองาม ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว 1 ปี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2550 โดยแจ้งว่าตนเองมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 24,108,270.00 บาท และแจ้งว่าคู่สมรสมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 19,214,433.00 บาท รายละเอียด ป.ป.ช. ทราบอยู่แล้วนั้น
ข้อ 4. นายวิษณุ เครืองาม ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2557 โดยแจ้งว่าตนเองมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 78,975,643.35 บาท และแจ้งว่าคู่สมรสมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 38,972,152.16 บาท และแจ้งว่าตนเองมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากค่าเช่า จำนวน 500,000 บาท และแจ้งว่าคู่สมรสมีรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าเช่า จำนวน 780,000 บาท รายละเอียด ป.ป.ช. ทราบอยู่แล้วนั้น
ข้อ 5. นายวิษณุ เครืองาม ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 โดยแจ้งว่าตนเองมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 81,072,361.85 บาท และแจ้งว่าคู่สมรสมีทรัพย์สินรวม-สุทธิ จำนวน 37,863,087.86 บาท และแจ้งว่าตนเองมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากค่าให้เช่าที่ดิน จำนวน 60,000 บาท ค่าลิขสิทธิ์ จำนวน 80,000 บาท ค่าบรรยาย จำนวน 100,000 บาท และแจ้งว่าคู่สมรสมีรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าให้เช่าที่ดิน จำนวน 600,000 บาท ค่าขายไฟฟ้า จำนวน 26,000 บาท รายละเอียด ป.ป.ช. ทราบอยู่แล้วนั้น
ข้อ 6. ในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 ดังกล่าว นายวิษณุ เครืองาม ไม่ได้แจ้งข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคลลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมาทั้งของตนเองและของคู่สมรสว่า มีรายได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (1) – (8) เป็นจำนวนเท่าใด และกรณีไม่ได้ยื่น ภงด. เนื่องจากอระไร ก็ไม่ได้ระบุอธิบายไว้ รายละเอียด ป.ป.ช. ทราบอยู่แล้วนั้น
ข้อ 7. กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม แจ้งว่ามีรายได้ค่าบรรยาย จำนวน 100,000 บาท นั้น ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า รายได้ดังกล่าวได้มาขณะเป็นรองนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ได้มาจากที่ใด เป็นเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (2) หรือไม่ และเข้าลักษณะตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ในส่วนที่บัญญัติว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็น ลูกจ้างของบุคคลใด หรือไม่ และจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) หรือไม่ และจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีสองปีตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (8) หรือไม่
ข้อ 8. ข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น หากเป็นกรณีที่เกี่ยวกับภาษีขอให้ส่งเรื่องไปยังกรมสรรพากรเพื่อดำเนินการต่อไป หากเป็นกรณีเกี่ยวกับคุณสมบัติรัฐมนตรีขอให้ส่งเรื่องไปยัง กกต. เพื่อดำเนินการต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวว่า ในวันนี้ ตนจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและรายได้ของนายวิษณุ เครืองาม ว่ามีการยื่นโดยถูกต้องครบถ้วน หรือไม่ และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือไม่