เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ความเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามที่สำนักงบประมาณ (สงป.) เสนอ 122,000 ล้านบาท สำหรับเป็นงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดยมีแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในประมาณการเพิ่มเติม 10,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 112,000 ล้านบาท

“เพื่อให้โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต สามารถดำเนินการทันภายในปีงบประมาณ 2567 โดยให้ผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการที่เป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.98 ล้านคน ลงทะเบียนผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการให้ทันภายในปีงบ 2567 และให้สามารถเบิกจ่ายงบ เพิ่มเติมปี 2567 ได้ทันภายในวันที่ 30 ก.ย.67 ตามขั้นตอนในโอกาสแรกก่อน วงเงินงบฯ เพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบ ปี 2567 จำนวน 3,480,000 ล้านบาท รวมรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เป็นเงินทั้งสิ้น 3,602,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบ 2566 จำนวน 417,000 ล้านบาท คิดเป็น 13.1% เท่ากับกรอบวงเงินตามแผนการคลังระยะปานกลางปีงบฯ 2568-71) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 และสำหรับงบลงทุนฯ และงบฯ ชำระคืนต้นเงินกู้ มีสัดส่วนอยู่ภายในกรอบที่กำหนดตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561”

นายชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดเตรียมงบประมาณครั้งนี้ เป็นผลมาจากมติ ครม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 เห็นชอบในหลักการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้เงินจาก 3 แหล่ง ได้แก่ 1.การบริหารงบฯ ปี 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท 2.การดำเนินการผ่านหน่วยงานภาครัฐ 172,300 ล้านบาท และ 3.งบฯ ปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท