ยังไม่สิ้นคำเตือนดี ก็แผลงฤทธีให้โลกหวาดหวั่นกันเสียแล้ว
สำหรับ ปรากฏการณ์ “ลานีญา” ที่จะก่อให้เกิด “น้ำท่วม” หรือ “อุทกภัย” ควบคู่ไปกับ “ภัยแล้ง” ในปีนี้ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่า ทางการของประเทศต่างๆ จะเตรียมการ “รับมือ” ภัยธรรมชาติอย่างไหนก่อนดี
เป็น “องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก” หรือ “ดับเบิลยูเอ็มโอ” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “ทบวงชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ออกแถลงการณ์คำเตือนเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศโดยรวมของโลกเราเมื่อไม่กี่วันก่อน เกี่ยวกับที่หลายๆ ประเทศ จะเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์ “ลานีญา” อันก่อให้เกิดทั้ง “อุทกภัย” และ “ภัยแล้ง” ตามที่กล่าวข้างต้น
โดยในปีนี้ ปรากฏการณ์ “ลานีญา” ที่ว่า ก็จะมาเยือนในราวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม หรือไม่ก็สิงหาคม ไปจนตลอดครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ซึ่งปรากฏการณ์ “ลานีญา” ก็จะส่งผลให้สภาพภูมิอากาศในหลายๆ ประเทศ ต้องวิปริตแปรปรวนเป็นประการต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มประเทศในภูมิภาคที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ใกล้ขั้วโลกเหนือ เช่น ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรป เป็นต้น ที่ตามปกติทั่วไป ก็จะมี 4 ฤดูในแต่ละช่วงเวลาของทุกๆ ปี ได้แก่
ฤดูใบไม้ผลิ ในระหว่างวันที่ 21 มีนาคม – 20 มิถุนายน
ฤดูร้อน ในระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 21 กันยายน
ฤดูใบไม้ร่วง ในระหว่างวันที่ 22 กันยายน – 21 ธันวาคม
ฤดูหนาว ในระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม – 20 มีนาคมของอีกปีหนึ่ง
ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงบรรดาประเทศในภูมิภาคยุโรป ณ ชั่วโมงนี้ ก็ยังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใกล้ที่จะเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มทน
ทว่า สถานการณ์และบรรยากาศกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เมื่อปรากฏว่า ในพื้นที่หลายประเทศของสหราชอาณาจักร เช่น อังกฤษ เวลส์ และสกอตแลนด์ ก็กำลังจะเผชิญกับ “หิมะ” ที่จะตกลงมา ซึ่งตามการพยากรณ์ของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งอังกฤษ ก็มีคำประกาศแจ้งเตือนประชาชนว่า น่าจะเป็นสัปดาห์หน้านี้ และมิใช่เพียงละอองหิมะที่จะตกลงอย่างโปรยปรายเท่านั้น แต่อาจถึงเกิดพายุหิมะ หรือสโนว์บอมบ์ ถล่มลงมาในหลายพื้นที่กันอีกด้วย
ส่วนในพื้นที่ตอนกลางของภูมิภาคยุโรป หรือที่เรียกกันว่า “ยุโรปกลาง” เช่น เยอรมนี เป็นต้น ปรากฏว่า ไม่ได้เผชิญกับอากาศร้อนตามฤดูร้อนที่คืบคลานใกล้เข้ามา แต่กลับเจอปรากฏการณ์ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และหนักอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกันหลายวันอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ทางตอนใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตามรายงานของทางการท้องถิ่นทางตอนใต้ของเยอรมนี ระบุว่า ฝนที่ตกลงมาเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น หากเปรียบเทียบโดยเฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ก็มีปริมาณน้ำฝนมากถึง 1 เดือนในยามปกติเลยทีเดียวสำหรับสถานการณ์ฝนตกในบางพื้นที่
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และหนักอย่างต่อเนื่องนั้น ก็ส่งผลให้แม่น้ำดานูบ ตลอดจนแม่น้ำและลำน้ำสาขาต่างๆ ของแม่น้ำดานูล รวมถึงแม่น้ำสายอื่นๆ ด้วย มีปริมาณน้ำเอ่อล้นตลิ่ง เข้าท่วมในหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งมีรายงานว่า น้ำที่ท่วมสูงในพื้นที่ต่างๆ ทางตอนใต้ และตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนีในเวลานี้ ต้องถือว่า หนักจริงๆ ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า เป็นภาวะน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 100 ปีก็มี
ความหนักหนาสาหัสของอุทกภัยที่เยอรมนีกำลังเผชิญ ณ เวลานี้ ก็ถึงทำให้เขื่อนอย่างน้อย 2 แห่ง ใกล้กับเมืองฟาฟเฟนโฮเฟน แคว้นบาวาเรีย ที่กั้นน้ำของแม่น้ำปาอาร์ อันเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำดานูบนั้น ต้องปริแตกและพังทะลายในเวลาต่อมากันเลยทีเดียว ส่งผลให้น้ำทะลักท่วมบ้านเรือนของประชาชน พร้อมกับซ้ำเติมสถานการณ์น้ำท่วมที่เดิมก็หนักอยู่แล้วจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ ให้หนักหนาสาหัสสากรรจ์ยิ่งขึ้น
โดยมีรายงานว่า ประชาชนจำนวนหลายพันคนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยดังกล่าวทันที
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยของทางการท้องถิ่นเยอรมนี ถึงกับเอ่ยปากว่า ตามปกติในพื้นที่เมืองฟาฟเฟนโฮเฟน ไม่เคยเกิดอุทกภัยที่หนักหนาเช่นนี้มาก่อน
ขณะเดียวกัน ทางด้านทางการท้องถิ่นของเยอรมนี ก็ได้ระดมกำลังพลทหารจำนวนกว่า 40,000 นาย สนธิกำลังกับหน่วยกู้ภัยอื่นๆ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบอุทกภัย ด้วยการอพยพประชาชนผู้เดือดร้อนเหล่านั้น ไปยังที่สูงที่ทางการจัดไว้เป็นสถานพักพิงชั่วคราว ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ เพราะเจ้าหน้าที่มีจำนวนไม่เพียงพอ ทางการท้องถิ่น ก็ได้ประกาศให้อพยพไปยังอาคารสูงก่อน
ทั้งนี้ เหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ข้างต้น ก็ยังส่งผลให้ทางการท้องถิ่น โดยกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมแห่งแคว้นบาวาเรีย ต้องประกาศปิดโรงเรียนไปกว่า 40 แห่ง ในพื้นที่ 8 เขตทั่วแคว้น เป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนเป็นประการสำคัญ กอปรกับการเดินทางที่ยากลำบากทั้งต่อเด็กนักเรียน และครูอาจารย์ ตลอดจนบุคคลากรต่างๆ ของทางโรงเรียน
มีรายงานด้วยว่า นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ต้องรีบรุดมายังพื้นที่ประสบภัย ด้วยความห่วงใยยิ่งต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่
โดยความเป็นห่วงในสวัดิภาพของเด็กนักเรียนเหล่านั้น จนต้องสั่งปิดโรงเรียนเป็นการชั่วคราว ก็มีขึ้นภายหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงนายหนึ่ง ซึ่งถูกระดมมาสนธิกำลังมาช่วยกู้ภัยในเหตุน้ำท่วมข้างต้น ได้เสียชีวิตไป หลังเรือกู้ภัยที่เขาใช้เป็นพาหนะเกิดการพลิกคว่ำ
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า สถานการณ์อุทกภัยอันสืบเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องในพื้นที่ตอนใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนีนั้น ก็กำลังจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น พื้นที่ทางตอนเหนือของอิตาลี โดยมีรายงานว่า ปริมาณน้ำของแม่น้ำนาติซอนเน ก็ได้เอ่อล้นตลิ่งจนท่วมสองฟากฝั่งของแม่น้ำด้วยเช่นกัน ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนต่อชาวมักกะโรนี คือ ชาวอิตาลี ไม่น้อยกว่า ชาวเมืองเบียร์ อันเป็นนิกเนมของเยอรมนี อย่างน่าเป็นห่วงเช่นกัน