นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก เผยว่า กรมการขนส่งทางบกเตือนประชาชนที่ต้องการซื้อขายรถมือสอง หลีกเลี่ยงการซื้อขายด้วยวิธีการโอนลอย โดยเซ็นเอกสารไว้แล้วมาดำเนินการในภายหลัเนื่องจากอาจก่อเกิดปัญหาให้ทั้งผู้ซื้อแหละผู้ขาย เช่น กรณีผู้ซื้อไม่ดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี รถเกิดอุบัติเหตุ หรือนำรถไปกระทำผิดกฎหมายซึ่งยังคงปรากฏชื่อเจ้าของรถรายเดิม ในระบบทะเบียน สร้างปัญหายุ่งยากให้เจ้าของรถรายเดิม นอกจากนี้การไม่นำรถเข้ามาดำเนินการโอนทางทะเบียนยังทำให้ผู้ซื้อไม่อาจตรวจสอบความถูกต้องของรถได้โดยสมบูรณ์ว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาหรือไม่อีกด้วยกรมการขนส่งทางบกได้กำชับทั้งผู้ซื้อหรือผู้ขายต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของรถก่อนการซื้อขายทุกครั้งเพื่อเป็นข้อมูลประกอบก่อนตัดสินใจ และต้องตรวจสอบหลักฐาทะเบียนรถให้ครบถ้วนเพื่อการซื้อขายที่ถูกต้องโดยเฉพาะสมุดคู่มือรถฉบับจริงที่มีชื่อเจ้าของรถ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ สีรถ และที่สำคัญต้องตรวจสอบว่ามีการชำระภาษีรถประจำปีครบถ้วนถูกต้อง พร้อมนำรถเข้าตรวจสภาพและดำเนินการตามขั้นตอนโอนทางทะเบียนรถ ณ สำนักงานขนส่งที่รถจดทะเบียนด้วยตนเองในทันที โดยหลักฐานการโอนที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องเตรียมมาโอนรถสำนักงานขนส่งได้แก่
1.ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือเล่มทะเบียนรถตัวจริง
2.หลักฐานประจำตัว ผู้โอนและผู้รับโอน
3.สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี (ถ้ามี)
4.แบบคำขอโอนและรับโอนที่กรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน ในกรณีเป็นนิติบุคคล ต้องใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า กรมขนส่งฯมีการตรวจสอบทะเบียนรถ ด้วยระบบฐานข้อมูล MDM (Master Data Management) สามารถตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนรถ ข้อมูลต่างๆ ได้แม่นยำ เพื่อความมั่นใจในการซื้อขายรถ ทั้งนี้ระบบจะดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อ ผู้ครอบครองรถในทันทีที่ได้รับข้อมูลการแก้ไข อีกทั้งยังเชื่อมโยงออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศในทุกระบบงาน ดังนั้นชื่อผู้ครอบครองรถที่ปรากฏในระบบ จึงตรงกับที่ระบุในเล่มทะเบียนรถ กรมการขนส่งทางบกแนะนำให้ผู้ที่ต้องการซื้อขายรถมือสองทำตามขั้นตอนที่แนะนำเพื่อความปลอดภัยในการโอนรถ และไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ