กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน ที่ถูกตัดสินให้มีความผิดในคดีอาญา
สำหรับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกคณะลูกขุน 12 คน แห่งศาลอาญาแมนฮัตตัน ซึ่งตั้งอยู่ในย่านแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ตัดสินให้เขามีความผิดคดีอาญาจำนวน 34 กระทง หรือทุกกระทงที่เขาถูกกล่าวหา ในข้อกล่าวหาที่ว่าเขาปลอมแปลงเอกสารข้อมูลทางการเงิน ในการพิจารณาคดีของคณะลูกขุนดังกล่าว ที่มีขึ้นเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ภายหลังจากคณะลูกขุนใช้เวลาไต่สวน 6 สัปดาห์ ที่ศาลอาญาแมนฮัตตันแห่งนั้น
ข้อกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารข้อมูลทางการเงินข้างต้น ก็มีขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 (พ.ศ. 2559) ซึ่งตามข้อกล่าวหา ระบุว่า นายทรัมป์ ปลอมแปลงเอกสาร ก็เพื่อปกปิดข้อมูลทางการเงิน ที่เขาจ่ายเพื่อปิดปาก “นางสตอร์มี แดเนียลส์” ดารานักแสดงหนังโป๊ ไม่ให้เปิดเผยความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับนายทรัมป์ ซึ่งมีขึ้นก่อนหน้า
ตัวเงินที่นายทรัมป์ จ่ายปิดปากดาราสาวหนังผู้ใหญ่ข้างต้นนั้น ก็มีจำนวน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทย ณ ชั่วโมงนี้ก็ราวๆ 4.78 ล้านบาทด้วยกัน)
ทั้งนี้ คำตัดสินของ 12 ลูกขุนข้างต้น ก็มีขึ้นท่ามกลางปฏิบัติการตีรวนเป็นประการต่างๆ ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อยู่เป็นระยะๆ
อาทิเช่นในช่วงก่อนหน้าที่คณะลูกขุนจะมีคำตัดสิน ทางอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เปรียบตนเองว่าเป็น “แม่ชีเทเรซา” แม่พระแห่งผู้ยากไร้ ที่ชาวโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า คดีความดังกล่าวที่ตนเผชิญนั้น ต่อให้เป็น “แม่ชีเทเรซา” ก็ไม่รอด
นั่น! อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังส่งสัญญาณว่า เพื่อให้ตนเองดูดี พร้อมกับด้อยค่าต่อคดีความข้างต้นว่า น่าจะมี “ใบสั่ง” ทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง คือ เป็นการกลั่นแกล้งเขาในทางการเมือง ซึ่งกำลังจะมีการชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ นั่นเอง
ถึงขนาดอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ สบถออกมาเป็นคำตัดสินที่อัปยศ ไม่ผิดอะไรกับการล่าแม่มดในทางการเมือง ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งประการหนึ่ง รวมถึงละเมิดต่อสิทธิพลเรือนของเขาทุกประการ
ขณะเดียวกัน ทางด้านประชาชนชาวสหรัฐฯ ก็มีทั้งสนับสนุน และต่อต้าน ต่อการดำเนินคดีดังกล่าว โดยประชาชนทั้งสองกลุ่ม ต่างออกมาแสดงออกผ่านการชุมนุม และแผ่นป้ายข้อความต่างๆ ซึ่งได้มีการรวมตัวกันของผู้คนทั้งที่บริเวณหน้าศาลอาญาแมนฮัตตัน และที่ด้านหน้าของอาคารทรัมป์ทาวเวอร์ อันเป็นอาคารที่ดำเนินธุรกิจของนายทรัมป์ ซึ่งตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก เช่นกัน
ขณะที่ บรรดาผู้บริจาคเงินอุดหนุนทางการเมืองของนายทรัมป์ ปรากฏว่า จำนวนหลายราย ก็ยังมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้อย่างเหนียวแน่น
ถึงขนาดที่ผู้บริจาคบางราย ออกมาส่งเสียงประณามว่า เป็นการดำเนินคดีที่อัปยศกันเลยก็มี เช่น นายโรเบิร์ต บิกเกอโลว์ มหาเศรษฐีธุรกิจที่พักและโรงแรม ซึ่งบริจาคเงินอุดหนุนทางการเมืองให้แก่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไปแล้วเกือบ 10 ล้านดอลลารสหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยก็มากกว่า 368 ล้านบาท) เป็นต้น ที่ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงที่จะดำเนินคดีต่อนักการเมืองขวัญใจของเขา เป็นต้น
อย่างไรก็ดี เมื่อกล่าวถึงตอนนี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ยังนับเป็นอิสระอยู่ แม้ว่าคณะลูกขุนมีคำตัดสินให้มีความผิดในทุกกระทงความ 34 กระทงข้างต้น เป็นอิสระที่รอการพิจารณคดี ที่คณะผู้พิพากษาของศาลแมนฮัตตันจะพิพากษาเขาอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 11 กรกฎาคมเดือนหน้านี้ โดยหากศาลพิจารณาแล้วว่าเขามีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาดังกล่าว ก็อาจถูกจำคุก 1 – 4 ปีด้วยกัน คือ โทษในข้อหานี้จำคุกสูงสุด 4 ปี นั่นเอง
ตามการประเมินของบรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า คดีความที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เผชิญอยู่ในข้อกล่าวหานี้ อาจจะต้องใช้เวลาในการตัดสินไม่น้อยกว่า 2 – 3 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ดี กระบวนการต่อสู้คดี ก็อาจจะลากยาวออกไปเป็นหลายเดือน ในระหว่างนี้ทั้งทนายความของนายทรัมป์ และอัยการ ก็จะมีคำแนะนำในการตัดสินต่างๆ ออกมา โดยผู้พิพากษา “ฮวน เมอร์ชาน” จะเป็นผู้ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายว่า จะจำคุกต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์หรือไม่?
บรรดานักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า ดีไม่ดี อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็อาจจะหลีกเลี่ยโทษจำคุกได้ทั้งหมดอีกด้วย
โดยเหล่านักวิเคราะห์ ให้เหตุผลว่า ถึงแม้ว่าโทษสูงสุดของคดีปลอมแปลงเอกสารทางการเงิน ซึ่งเป็นคดีอาญา จะเป็นโทษจำคุกระหว่าง 1 – 4 ปีก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกันที่ผู้ไม่เคยต้องคดีอาญามาก่อนจะถูกตัดสินให้จำคุก โดยที่ผ่านมา ศาลก็มักจะลงโทษเป็นโทษปรับ หรือให้ภาคทัณฑ์ ทำทัณฑ์บนเอาไว้
อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินให้จำคุกจริง อย่างมากก็ไม่น่าเกิน 1 ปี หรือน้อยกว่านั้นอีก ซึ่งสำหรับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ หากถูกศาลสั่งลงโทษที่มากกว่าโทษปรับ อย่างมากเขาก็ถูกกักตัวไว้ในบ้านพัก มากกว่าที่ถูกนำตัวไปจำคุกในเรือนจำ
บรรดานักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า แม้ว่าศาลตัดสินลงโทษ แต่เชื่อได้แน่นอนว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็จะต่อสู้คดีอย่างยิบตา โดยจะอุทธรณ์ ส่วนแนวทางการต่อสู้ ก็คาดว่า ทีมงานด้านกฎหมายของนายทรัมป์ ก็จะชี้ให้เห็นจุดบกพร่องทางกฎหมายต่างๆ รวมถึงโน้มน้าวให้ไปในทิศทางว่า เป็นคดีที่มาจากแรงจูงใจทางการเมือง
ท้ายสุด ระหว่างที่มีการต่อสู้คดีขั้นอุทธรณ์ ฎีกา นั้น อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ยังสามารถสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อยู่ดี เพราะถือว่า ไม่ได้ละเมิดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแต่ประการใด ที่กำหนดแต่เพียงว่า เป็นประชาชนพลเมืองสหรัฐฯ และพำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ นาน 14 ปี รวมถึงมีอายุอย่างน้อย 35 ปีขึ้นไป เท่านี้ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ยังชิงชัยในเวทีเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ และยังเป็นที่น่าเกรงขามต่อฝั่งตรงข้าม ด้วยคะแนนนิยมที่ยังคงเหนือกว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน