จากกรณี ที่ครอบครัวหนึ่งโดยที่คุณแม่ได้มีการร้องต่อทนายณรงค์ ในการให้ออกตามหาตัวลูกชายคนกลางอย่างน้องเจสซี่ เด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย-ไอร์แลนด์ วัย 17 ปี ที่ได้หนีออกไปจากบ้านโดยไปอาศัยอยู่กับบ้านของพิมพ์แฟนเก่าวัย 16 ปี ที่ได้มีการเลิกลากันไปก่อนหน้านี้ซึ่งเรื่องราวก็ได้เกินเลยไปจนถึงที่เจสซี่ ได้ไปคบหากับ "กานต์" แม่ของอดีตแฟนสาว อายุ 33 ที่เข้ามาช่วยปลอบโยนในช่วงที่เจสซี่หนีออกจากบ้านและเจอปัญหาชีวิตโดยที่ทางเจสซี่หนุ่ม 17 ได้หายไปจากบ้านและแอบกดเงินจากบัญชีของพ่อไปเกือบ 9 แสนบาท    

โดยจากกรณีนี้ ทางครอบครัวของเจสซี่โดยคุณแม่และทนายก็ได้มีการไปออกรายการ “โหนกระแส” และมีการโฟนอินพูดคุยกับเจสซี่ ซึ่งเจสซี่ก็ได้ให้เหตุผลว่าในมุมตัวเอง โดยการเล่าก็กลับกลายเป็นอีกเรื่อง ว่าที่หนีออกไปจากบ้าน เพราะทนแม่กับพี่ชายไม่ได้ ที่คอยปั่นประสาทว่า เบียร์สามีของกานต์จะมาเอาเรื่องตน ตนเครียดจนอยากจบชีวิตตัวเอง ทนไม่ไหวเลยหนีออกมา ยืนยันว่าหนีมาอยู่กับเพื่อน ไม่ได้อยู่กับกานต์และพิมพ์ ก่อนที่ในช่วงก่อนจบรายการทางคุณแม่ของเจสซี่ก็ได้มีการพูดถึงการให้ส่งตัวเจสซี่กลับคืนสู่ครอบครัวโดยจะมีการไปขอพบเจอและให้จบเรื่องด้วยการไปเจอกันที่สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 

ต่อมาเมื่อ วันที่ 31 พ.ค.67 ที่ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี ทางครอบครัวก็ได้พบกับน้องเจสซี่ เด็กหนุ่ม วัย 17 ปี โดยได้พบกันครอบครัวและได้มีการพูดคุยกันภายในครอบครัวโดยที่มีก็มีปากเสียงกันภายในครอบครัว ซึ่งทางด้าน นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมทีมงานมูลนิธิได้เดินทางมาถึง และพาครอบครัวน้องเจสซี่ เข้าไปยังห้องแจ้งความต่อไป ภายหลังจากการแจ้งความทาง นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความในส่วนของ การพรากผู้เยาว์ (พรากเด็กอายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี) และส่วนในข้อหาอื่นๆ ที่จะแจ้งต่อนายเบียร์ อายุ 33 ปี ผู้เป็นสามีจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไรบ้าง

ซึ่งจะมีการแจ้งความดำเนินคดีทั้งหมดและหลายข้อหา ส่วนทางคู่กรณีของครอบครัวน้องเจสซี่ยังไม่มีการติดต่อมาทางมูลนิธิ และ อาจจะยังไม่มาพบในวันดังกล่าว ภายหลังจากนี้ผู้สื่อข่าวได้มีการสัมภาษณ์กับทางครอบครัวทั้งน้องเจสซี่ คุณพ่อและคุณแม่เอง โดยทางคุณแม่ของเจสซี่ได้มีการพูดคุยเพื่อเคลียใจกับเจสซี่ว่ายังรักกันอยู่ไหมมีปัญหาอะไร ทางเจสซี่เองก็มีความคลุมเครือในการตอบปัญหาโดยที่ภายในใจก็อาจจะยังรู้สึกผิด ซึ่งภายหลังจากการพูดคุยทางครอบครัวก็พร้อมให้อภัยกับทางเจสซี่กันแบบครอบครัวโดยในส่วนของทางคู่กรณีก็ขอให้เป็นตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 3 มิ.ย.67 ทนายรัชพล ศิริสาคร พาครอบครัวคู่กรณีของ น้องเจสซี่ ประกอบด้วย นายเบียร์ อายุ 33 ปี น.ส.กานต์ อายุ 33 ปี และน้องพิมพ์ อายุ 16 ปี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี เพื่อรับทราบขอกล่าวหา และแสดงความบริสุทธิ์ใจ เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น 

ทนายรัชพล ศิริสาคร เปิดเผยว่า หลังจากได้ทราบว่า ทางครอบครัวน้องเจสซี่ได้มีการแจ้งความไว้ ในวันนี้จึงได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงจุดยืนว่า ทางครอบครัวนายเบียร์ได้หลบหนีไปไหน มีที่อยู่ชัดเจน โดยพร้อมให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา ในส่วนคดีภาคผู้เยาว์ ที่น.ส.กานต์ ตกเป็นผู้ต้องหานั้น กรณีนี้ น.ส.กานต์ ไม่ได้เป็นผู้พาน้องเจสซี่ไป แต่น้องเจสซี่เป็นคนพาครอบครัวกานต์ไป ซึ่งรถก็เป็นของน้องเจสซี่เอง และน้องเจสซี่เป็นคนขับเองอีกด้วย ซึ่งส่วนนี้มองว่า ยังไม่เป็นความผิด ในส่วนของข้อหารับของโจร ทางครอบครัวนายเบียร์ไม่ทราบว่าน้องเจสซี่ขโมยเงินคุณพ่อมา โดยในส่วนของเงินทางเจสซี่ได้มีการอ้างว่านำเงินมาจากน้ำพักน้ำแรงและเงินที่เก็บมาเอง ซึ่งมาทราบเรื่องตอนช่วงปลายเดือนเมษายน โดยจำนวนเงินนั้นมีเพียงน้องพิมพ์ที่ได้รับเงิน ซึ่งน้องเจสซี่ก็มอบให้โดยเสน่ห์หา และจำนวนเงินที่น้องพิมพ์ได้รับประมาน 3 แสนกว่า ไม่ใช่ 9 แสนบาทอย่างที่เป็นข่าว ส่วนครอบครัวนายเบียร์เอง และนางกานต์ไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด  จึงพร้อมให้การปฏิเสธในข้อหาทั้งหมด 

ส่วนเรื่องการฟ้องชู้นั้น ยังคงต้องดูพยานหลักฐาน หาก น.ส.กานต์ ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับน้องเจสซี่ และไม่ได้ถูกดำเนินคดีพรากผู้เยาว์ นายเบียร์ก็คงจะไม่ฟ้องชู้ โดยทางที่ทาง น.ส.กานต์ ยืยันให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีการกระทำที่เป็นการพรากผู้เยาว์ตามที่ครอบครัวของเจสซี่แจ้งความโดยเป็นเพียงการพยายามปลอบใจในช่วงที่เจสซี่มีปัญหาส่วนการถึงเนื้อถึงตัว การกอด หอมแก้มนั้นก็เป็นแค่เพียงการตามพฤติกรรมของเจสซี่ที่เป็นลูกครึ่งโดยคิดว่าเป็นปกติของเจสซี่

ทั้งนี้ ทนายรัชพล ศิริสาคร ยังย้ำฝากถึงครอบครัวน้องเจสซี่ ให้ควรน้องเจสซี่ให้ระมัดระวังในคำพูดที่สัมภาษณ์ หรือให้การ หากไม่เป็นเป็นความจริง ทางคุณเบียร์อาจจะฟ้องหมิ่นประมาทได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างจบได้ด้วยดีก็ยินดี เพราะครอบครัวนายเบียร์ ก็ไม่อยากจะมีปัญหาเช่นกัน หากไม่จบ ก็พร้อมสู้