เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 3 มิ.ย. ที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.  พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.  , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้ แถลงข่าวความคืบหน้าคดี ภายหลังจากได้สอบปากคำ  นางสาววรรณิภา หรือมด อายุ 37 ปี ภรรยาเสี่ยต้น ทำหน้าที่เป็นผู้ใช้จ้างวานและชี้เป้า , นายสาโรจน์ อายุ 25 ปี เป็นผู้ตระเตรียมการ จัดหาอาวุธและพาหนะ , นายวีรภัทร คนขี่รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุ ขณะที่ นายณัฐพล อายุ 25 ปี มือปืน ยังหลบหนี

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในส่วนของ  นายวีรภัทร และ นายสาโรจน์ ยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างให้ไปซื้อปืนในราคา 12,000 บาท โดยนายสาโรจน์ ก็จัดหาให้ ส่วนนายวีรภัทร ยอมรับว่าตัวเองได้รู้จักกับมือปืนที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายในซอยรามอินทรา 62  และได้เจอกับ นายณัฐพล หลังจากนั้นได้พูดคุยกัน ซึ่งนายณัฐพล อ้างว่า ให้ไปช่วยติดตามเมียเพราะว่าทะเลาะกัน ขอให้ช่วยขับรถให้ ถ้าเกิดเจอเมีย และพบว่าไปมีคนอื่น ขอให้ช่วยกันลงมือยิง นายวีรภัทร ก็ตกลงและได้รับค่าจ้าง 4,000 บาท เนื่องจากตอนนั้นไม่มีเงิน 

หลังจากนั้น ช่วงกลางคืน วันที่ 8 เมษายน  นายณัฐพลอ้างว่าให้ช่วยไปตามเมีย ก่อนจะนัดเจอกันที่โรงเหล้าแสงจันทร์ โดย นายณัฐพล เป็นคนพกอาวุธปืนมาด้วย ซึ่งช่วงแรก นายณัฐพล เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ แล้วนายวีรภัทรซ้อนท้าย จากนั้นได้ส่งปืนมาให้นายวีรภัทรลงมือยิง แต่ตอนนั้น นายวีรภัทร ตกใจ ไม่คิดว่าจะทำขนาดนี้ ประกอบกับ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ตอนที่หยุดรถ และ นายวีรภัทร ลงจากรถ แล้วอยากจะเอาปืนไปซุกไว้ที่กอหญ้า แต่ปรากฏว่า นายณัฐพล ไม่ยอม บอกว่า “เดี๋ยวกูทำเอง” และให้นายวีรภัทรเป็นคนขับรถ 

ซึ่งทำให้การของนายวีรภัทร อ้างว่า ตัวเองตั้งใจขับรถมาทางด้านซ้ายของรถเสียต้น เพราะคิดว่า หากยิงจากวิถีนี้ น่าจะแค่เฉียดเป้าหมาย แต่หากขับเอียงไปทางด้านขวา จะสามารถยิงเป้าหมายเข้าถูกจุดแน่นอน จึงพยายามขับรถชะลอไม่ให้ขับตามรถเสี่ยต้นทัน เพราะรู้สึกว่า งานนี้ไม่ธรรมดาแล้ว 

ขณะที่จากการสอบปากคำผู้จ้างวานยังคงให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่ามีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว ส่วนเรื่องอื่น ๆ ขอไม่ให้การ และขอไปต่อสู้ในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาโดยยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้จ้างวานฆ่า ทั้งพยาน บุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุและพยานเอกสาร ที่เป็น หลักฐานการโอนเงินและหลักฐานการติดต่อสื่อสาร โดยในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเราพบว่าผู้จ้างวานฆ่าได้ติดต่อหามือปืนจากในโลกอินเตอร์เน็ตและเป็นคนติดต่อเองพร้อมกับใช้เวลาในการนัดหมายลงมือประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งเรารวบรวมครบถ้วน ก่อนยื่นต่อศาลอาญาฯ อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีได้ 

พล.ต.ต.นพศิลป์ ยังให้ข้อมูลอีกว่า ภรรยาเสี่ยต้น มีการจ้างให้กลุ่มมือปืน ยิงเสี่ยต้นหวังให้ตาย เพื่อประโยชน์เรื่องทรัพย์สินและเงินประกันชีวิต เชื่อว่า จุดประสงค์ในการก่อเหตุคือต้องการหวังเอาชีวิต แต่มือปืนดันทำไม่สำเร็จ ซึ่งทางมือปืน ให้ข้อมูลว่า ภรรยาเสี่ยต้นมีการโอนเงิน และให้เป็นเงินสดประมาณ 300,000 กว่าบาท นอกจากนี้ ยังพบว่า ภรรยาของเสี่ยต้น ไม่ได้รู้จักกับกลุ่มจ้างวานเป็นการส่วนตัว แต่มารู้จักเพราะต้องการให้ทำภารกิจนี้ 

ต่อมาเวลา 17.40 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ภายหลังจาก พล.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันสอบปากคำนายสาโรจน์ หรือแป๊ะ  อายุ 25 ปี คนจัดหาอาวุธปืน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 2560/2567 และนายวีรภัทร  อายุ 25 ปี ชาว จ.นครนายก คนขับขี่ จยย.ให้มือปืน ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 2561/ 2567 เพื่อสอบปากคำกว่า 6 ชั่วโมง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาลควบคุมตัว นายสาโรจน์ หรือแป๊ะ อายุ 25 ปี ชาว กทม. คนจัดหาอาวุธปืน เพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง

โดยระหว่างควบคุมตัวนายสาโรจน์  ได้พยายามหลบเลี่ยงสื่อ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรอยากจะพูดหรือไม่ "นายสาโรจน์" ไม่ตอบคำถามใดๆ และพูดขึ้นว่า "ให้เกียรติตำรวจหน่อย" ก่อนจะถูกเอาตัวขึ้นรถไปทันที ส่วนนายวีรภัทร คนขับขี่ จยย.ยังคงอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด

ขณะที่เวลา 15.45 น.นางสาวมดหรือ น.ส.วรรณิภา หรือมด   ภรรยาเสี่ยต้น ถูกตำรวจควบคุมตัว เพื่อไปสอบสวนดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ ที่สน.วังทองหลาง โดยผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถาม ว่า ได้ก่อเหตุจ้างวานฆ่าหรือไม่ และ รู้สึกเป็นห่วงลูกหรือไม่ แต่เจ้าตัวปฏิเสธไม่ยอมตอบคำถามใดใด

ส่วนความรู้สึกของผู้ต้องหาทั้งหมด ก็เศร้าและเครียดพอสมควร สำหรับความเชื่อมโยงไปยังคดีที่ สภ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เชื่อว่า คดีที่ สน.วังทองหลาง จะเป็นสารตั้งต้น ซึ่งพยานหลักฐานจะเชื่อมโยงไปถึงหรือไม่ให้ทาง ตำรวจภูธรภาค 4 เป็นคนดำเนินการและขยายผลต่อ ทั้งนี้ หลังจากนี้หากสอบปากคำแล้วพบว่ามีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด

ขณะที่ปืนของนายสาโรจน์ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนว่าไปซื้อมาจากที่ใด สำหรับประเด็นทางโทรศัพท์ที่ภรรยา หาข้อมูลซื้อไซยาไนด์ทางโลกออนไลน์นั้น ประเด็นนี้อยู่ในสำนวนแล้ว 

#เสี่ยต้น #จ้างวานฆ่า #ข่าววันนี้