วันที่  3 มิ.ย.ที่ บก.สส.บช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.เปิดเผยว่าตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา  ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น., บก.สส.ภ.4, กก.สส.บก.น.4, กก.สส.ภ.จว.มหาสารคาม,สน.วังทองหลาง, สภ.ยางสีสุราช จว.มหาสารคาม บูรณาการสืบสวนเร่งล่าหาตัวกลุ่มขบวนการจ้างวานลอบสังหาร “เสี่ยต้น” ซึ่งถือว่าเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจและเป็นที่สนใจของประชาชน

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 06.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ท.สรายุทธ  สงวนโภคัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์  ผบก.น.4, พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4  เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. , กก.สส.บก.น.4 , สน.วังทองหลาง , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.บก.น.4 ,  พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง พร้อม พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผบก.สส.ภ.4 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของ ตำรวจภูธรภาค 4 เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น นำไปสู่การจับกุม  น.ส.วรรณิภา หรือ มด อายุ 37 ปี ที่อยู่ 214/44 ซอยพัฒนาการ 20 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2562/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย.67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ,นายสาโรจน์ อายุ 25 ปี ที่อยู่ 24 ซอยรามอินทรา 62 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2560/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย.67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้อนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” และนายวีรภัทร อายุ 25 ปี ที่อยู่ 109 ม.9 ต.ทรายมูล อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2561/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย.67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้อนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุ

พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินไว้เป็นของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง  , แท๊ปเล็ต จำนวน 2 เครื่อง สมุดบัญชี จำนวน 8 เล่ม และเอกสารสำคัญประจำตัว จำนวนมาก โดยยึดจากผู้ต้องหาที่ 1 

2. อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. สีเงิน จำนวน 1 กระบอก , อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. สีดำ จำนวน   1 กระบอกรวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด โดยอาวุธปืนพกสั้นสีเงิน ผู้ต้องหาที่ 2 ได้โยนทิ้งบ่อน้ำหลังห้องนอนซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถงมและตรวจยึดไว้ ส่วนอาวุธปืนพกสั้น สีดำ อีก 1 กระบอก สามารถยึดได้ภายในห้องนอนของผู้ต้องหาที่ 2 ได้ภายในห้องพักดังกล่าว

3. โทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone 11 จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งยึดได้จากผู้ต้องหาที่ 2 ได้ภายในห้องพักดังกล่าว

4. โทรศัพท์เคลื่อนที่ NOKIA รุ่น C12  จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งยึดได้จากผู้ต้องหาที่ 2 ได้ภายในห้องพักดังกล่าว

5. โทรศัพท์มือถือ iPhone XR สีแดง จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นของผู้ต้องหาที่ 3 โดยยึดได้ภายในห้องพักซึ่งถูกจับกุม 

6. รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น MSX 125SF สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน ซึ่งผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้นำพาไปตรวจยึดภายในบ้านเลขที่ 36 หมู่ 4 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ (รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ)

พฤติการณ์ในคดีนี้ กล่าวคือ ตามวันเวลาเกิดเหตุ (8 เมษายน 2567) เวลาประมาณ 23.35 น. เกิดเหตุคนร้ายเป็นชาย จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ประกบข้างรถยนต์ของนายพิชิต  กลีบจินดา เจ้าของธุรกิจโรงเรียนสอนสปาและนวดแผนไทย และใช้อาวุธปืนพยายามฆ่านายพิชิต (เสี่ยต้น) กลีบจินดา ในพื้นที่ สน.วังทองหลาง แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งทางนายพิชิตฯได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายกับพวกรายดังกล่าวตามกฎหมาย

ต่อมาในวันที่ 15 เมษายน 2567  นายพิชิตฯ ได้เดินทางกลับไปยังบ้านของภรรยาที่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม และหลังจากนั่งทานอาหารและดื่มสุรากันที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว ในช่วงเช้าของวันที่ 16 เมษายน 2567 นายพิชิตฯ ก็ถูกพบว่าเสียชีวิตที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว โดยไม่ทราบสาเหตุ  ต่อมาญาติของนายพิชิตฯ ได้สงสัยในสาเหตุการเสียชีวิต และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน 

จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทราบว่ากลุ่มคนร้ายในคดีนี้ประกอบด้วย น.ส.วรรณวิภา หรือมด ภรรยาของผู้เสียชีวิต อายุ 37 ปี เป็นผู้ใช้จ้างวาน/และชี้เป้า, นายสาโรจน์ อายุ 25 ปี ทำหน้าที่เป็นธุระจัดหา อาวุธปืน ที่พัก ยาพาหนะ และสถานที่ในการเตรียมการก่อเหตุในครี้งนี้ และนายวีรภัทร อายุ 25 ปี 

จากการสอบถามผู้ถูกจับให้การรับว่าทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ให้มือปืน นายณัฐพล อายุ 25 ปี ทำหน้าที่รับว่าจ้างงาน / มือปืน (อยู่ระหว่างหลบหนี)โดยในแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายพิชิตฯ ผู้ตาย ได้ทะเลาะวิวาทกับ น.ส.วรรณิภาฯ หลายครั้ง และมีการทำร้ายร่างกายกัน เป็นมูลเหตุที่ทำให้เกิดการก่อเหตุดังกล่าว

ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567 น.ส.วรรณิภา หรือมดฯ ได้มีการเริ่มหามือปืนเพื่อก่อเหตุ ต่อมาได้เริ่มมีการติดต่อกับนายณัฐพล ศิริโนนรัง มือปืน และนัดหมายกัน

วันที่ 1 เมษายน 2567 นายณัฐพลฯ ได้เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพมหานคร และได้นัดพบกับ น.ส.วรรณิภา หรือมดฯ จากนั้น น.ส.วรรณิภา หรือมดฯ ได้โอนเงินให้กับนายณัฐพลฯ ตั้งแต่วันที่ 1-7 เมษายน 2567 จำนวน 45,500 บาท และรับเป็นเงินสดอีกภายหลัง รวมเป็นจำนวนกว่า 300,000 บาท การเดินทางมากรุงเทพมหานครเพื่อก่อเหตุของนายณัฐพลฯในครั้งนี้นั้น มีนายสาโรจน์ฯ ให้การช่วยเหลือ จัดหาที่พัก จัดหาอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุให้ ซึ่ง น.ส.วรรณิภาฯ ได้โอนเงินจำนวน  33,000 บาท ให้กับนายสาโรจน์ฯ เป็นค่าจ้างในครั้งนี้ด้วย 

ระหว่างนั้น น.ส.วรรณิภา หรือมดฯ และนายณัฐพลฯ มือปืน ได้มีการติดต่อกัน โดย น.ส.วรรณิภาฯ จะคอยแจ้งความเคลื่อนไหวให้นายณัฐพลฯ มือปืนทราบอย่างต่อเนื่อง เมื่อนายณัฐพลฯ มือปืนทราบความเคลื่อนไหวของนายพิชิตฯ ก็ได้มีความพยายามวางแผนเพื่อลงมือก่อเหตุประมาณ 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ต่อมา นายณัฐพลฯ มือปืน กับ น.ส.วรรณิภา ได้ร่วมกันวางแผนล่อให้ นายพิชิตฯ เดินทางมายังโรงเหล้าแสงจันทร์ เพื่อให้มือปืนลงมือก่อเหตุ

วันที่ 8 เมษายน 2567 (วันเกิดเหตุ) ได้นัดหมายนายพิชิตฯ ให้ไปที่ร้านแสงจันทร์ เมื่อนายพิชิตฯ ไปถึงร้านแสงจันทร์แล้ว น.ส.วรรณิภา หรือมดฯ ได้ยกเลิกนัดกับนายพิชิตฯ นายพิชิตฯ จึงได้เดินทางกลับบ้าน และต่อมาไม่นานก็ถูกคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนประกบยิง หลังจากนั้น นายพิชิตฯ ได้ไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง

จากการสืบสวนติดตามจากภาพกล้องวงจรปิดตามเส้นทางก่อเหตุของคนร้ายพบว่า ก่อนก่อเหตุคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากซอยรามอินทรา 62 และหลังจากก่อเหตุยิงแล้ว ก็หลบหนีเข้าไปในซอยรามอินทรา 62 ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่า นายสาโรจน์ มีบ้านพักอยู่ภายในซอย รามอินทรา 62 หลังจากเกิดเหตุ น.ส.วรรณิภา หรือมดฯ ได้มีการนัดหมายให้ นายพิชิตฯ ไปที่บ้านเกิดของ น.ส.วรรณิภาฯ   อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม ในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เพื่อไปพูดคุยเรื่องปัญหาครอบครัว โดย น.ส.วรรณิภาฯ เป็นผู้จองตั๋วเครื่องบินให้กับนายพิชิตเพื่อเดินทางไปจังหวัดมหาสารคาม น.ส.วรรณิภาฯ ยังบอกด้วยว่า หากนายพิชิตฯ ไม่เดินทางมาจะตัดขาดความสัมพันธ์ และ น.ส.วรรณิภาฯ จะขายทุกอย่างให้หมด

วันที่ 15 เม.ย.2567 หลังจากที่นายพิชิตฯ มาถึงที่บ้านของ น.ส.วรรณิภา หรือมดฯ ที่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม แล้วนั้น ได้มีการล้อมวงดื่มสุรากัน ซึ่งมีพยานยืนยันว่า ในคืนนั้น นายพิชิตฯ อยู่กับ น.ส.วรรณิภาฯ เป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะพบว่า นายพิชิตฯ เสียชีวิตในเช้าวันที่ 16 เม.ย.2567

หลังจากที่นายพิชิตฯ เสียชีวิต น.ส.วรรณิภาฯ พูดจาหว่านล้อมญาติทุกคน ว่าไม่ให้มีผ่าชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ทั้งที่ญาติได้มีการทักท้วงแล้วว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ แต่ น.ส.วรรณิภาฯ กลับมีการเร่งให้เผาศพทันที เป็นการพยายามทำลายหลักฐาน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ ทั้งนี้ น.ส.วรรณิภา หรือมดฯ ได้เสนอผลประโยชน์และทรัพย์สินต่างตอบแทนให้กับญาติของนายพิชิตฯ 

โดย น.ส.วรรณิภาฯ หรือมด ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกจับได้ ภายในห้องพัก ของคอนโดหรู ย่านรามคำแหง เขตหัวหมาก กรุงเทพ เมื่อวันที่  3 มิ.ย.67 เวลา 06.30 น. จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การปฎิเสธตลอดข้อหา ส่วน นายสาโรจน์ ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกจับกุมได้ ภายในบ้านเลขที่ 24 ซอยรามอินทรา 62 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 เวลา 06.30 น. จากการสอบถามนายสาโรจน์ฯให้การภาคเสธว่าก่อนเกิดเหตุ ได้มี นางสาววรรณวิภาฯ ติดต่อและจ้างวานให้เป็นธุระจัดหาในเรื่องอาวุธปืน ยานพาหนะ ติดต่อประสานหา มือปืน โดยได้รับเงินโอนจากนางสาววรรณวิภาฯ เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท และได้โอนต่อให้แก่มือปืนที่ก่อเหตุยิงในคดีนี้ 

และ นายวีรภัทร ผู้ต้องหาที่ 3 ถูกจับกุมได้ ภายในบ้านพัก หมู่บ้านเคหะนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 08.30 น. จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 3 ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายซึ่งใส่เสื้อแจ๊กเก็ตสีส้ม ในวันและเวลาเกิดเหตุ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางที่นำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจยึดพามือปืนไปก่อเหตุพยายามฆ่า “เสี่ยต้น” จริง โดยได้รับค่าจ้างจากมือปืนเป็นเงินสดจำนวน 4,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติการกระทำผิด พบว่า นายวีรภัทรฯ เคยถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 โดยผิดกฎหมาย” ที่ สภ.องครักษ์ จ.นครนายก เมื่อปี 2559

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ทำการสืบสวน ขยายผล หาตัวผู้มีส่วนร่วมและเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดนี้ที่เหลือทั้งขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

#เสี่ยต้น #จ้างวานฆ่า #ภรรยาเสี่ยต้น #ข่าววันนี้