วันนี้  (31 พ.ค.)  นายศรีสุวรรณ จรรยา   นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน  เดินทางไปยื่นฟ้องที่ศาลปกครอง  โดยระบุว่าได้รับมอบอำนาจจากประชาชนที่มีความกังวลต่อกรณีกรณีรัฐบาลมีนโยบายนำข้าวสารเก่าทีอายุ 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล   น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในโกดังจังหวัดสุรินทร์ทั้ง  2 โกดัง  ปริมาณ 15,000 ตันออกมาประมูลขาย     โดยไม่ให้ผู้เข้าร่วมประมูลตรวจสอบคุณภาพข้าว  ทั้งที่มีข้อมูลที่ขัดกันระหว่างนักวิชาการจากสถาบันวิชาการต่าง ๆ กับข้อมูลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ขัดแย้งกัน เกี่ยวกับคุณภาพของข้าวเก่า 10 ปี  จะนำมาบริโภคได้หรือไม่  ประชาชนไม่รู้จะเชื่อข้อมูลของใครดี จึงมายื่นฟ้ององค์การคลังสินค้า (อคส.)  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)  ต่อศาลปกครองกลาง     ในข้อหาดำเนินการประมูลขายข้าวเก่า10  ปีขัดต่อขัดต่อประกาศของกระทรวงสาธารณะสุข และประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค  เพื่อขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน  เพื่อมีคำสั่งระงับหรือให้ อคส. กระทรวงพาณิชย์ หรือ นบข. สั่งทบทวนการจัดทำ TOR ประมูลขายข้าวเก่าดังกล่าวเสียใหม่  เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภคต่อไป และในการยื่นฟ้องในวันนี้ ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งหรือกำหนดมาตรการอย่างใด ๆ เพื่อคุ้มครองชั่วคราวด้วยการสั่งระงับการยื่นซองและเปิดซองประมูลข้าวดังกล่าวที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้  เพื่อเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนไว้ก่อนด้วย

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า มีนักวิชาการ และทางมหาวิทยาลัยต่างๆ ออกมาบอกว่า ข้าวเก่าอายุ 10 ปี   ไม่มีคุณค่าทางอาหาร   รวมถึงมีความเสี่ยงในเรื่องของจุลินทรีย์ เชื้อโรค สารพิษ เพราะต้องมีการรมควันข้าวๆ ทุก 6 เดือนอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะมีสารพิษเหล่านี้เจือปนอยู่   โดยรัฐบาลมีความพยายามแก้เกม ด้วยการส่งตัวอย่างไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พิสูจน์  แต่กรมวิทย์ฯได้พิสูจน์แล้ว   ก็มีบางส่วนที่ระบุว่าข้าวมีการเจือปนของตัวมอด แมลง ต่างๆ   ซึ่งไม่เหมาะกับการนำมาเป็นอาหาร   เพียงแต่ว่าสารพิษต่างๆ  ที่มีคนวิตกนั้นไม่เกินไปกว่าที่มาตรฐานกำหนด แต่ในทางวิชาการการหยิบสุ่มตรวจข้าว   ไม่มีใครรู้ว่าสุ่มจากจุดไหนของกองข้าว    หรือนำมาจากแหล่งใด เพราะกรมวิทย์ฯอยู่ที่สำนักงานของตัวเอง   เขาไม่ได้ไปสุ่มตรวจที่โกดังข้าว   จึงเป็นข้อสงสัยอาจนำข้าวจากที่อื่นมาให้กรมวิทย์ฯสุ่มตรวจก็ได้

"การที่รัฐบาลผลักดันให้มีการออกมาจำหน่ายข้าว เพื่อให้ข้าวโครงการรับจำนำข้าวเมื่อปี 2555-2556   หมดไป   อาจจะเป็นประเด็นทางการเมืองมากกว่าคุณภาพชีวิตของประชาชน   เพราะเงื่อนไขทีโออาร์   ไม่มีข้อจำกัดให้ผู้ที่จะประมูลได้ดำเนินการนำข้าวดังกล่าวไปขาย  หรือจำหน่ายให้กับประชาชนในประเทศ ซึ่งการส่งออกข้าวก็จะเป็นการดิสเครดิต คุณภาพ และชื่อเสียงของข้าวไทยที่สั่งสมมานำ 10 ปี 100 ปี”    นายศรีสุวรรณ กล่าว

เมื่อถามว่าประชาชนยังไม่เชื่อมั่นผลการตรวจสอบสารปนเปื้อนข้าวของรัฐบาล   ควรเปิดโอกาสให้แลปเอกชนมามาร่วมตรวจสอบได้หรือไม่     นายศรีสุวรรณกล่าวว่าหากรัฐบาลมีความจริงใจต่อประชาชน    ควรจะตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมา โดยเชิญนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาหรือแลปทดสอบต่างๆ   มาดำเนินการตรวจสอบคุณภาพเข้า โดยเริ่มตั้งแต่การไปสุ่มเก็บตัวอย่างให้เป็นไปตามหลักวิชาการ    ในการสุ่มเก็บตัวอย่างกองข้าว    ทั้งด้านข้าง ด้านกลาง ด้านใน ต้องเก็บตัวอย่างให้ครบทุกพื้นที่    ไม่ใช่หยิบเอาตัวอย่างจากไหนมาก็ไม่รู้     แล้วมาอ้างว่าเป็นข้าวมาจากโกดังข้าว ซึ่งประชาชนไม่มีใครสนใจแล้ววันนี้