เมื่อวันที่ 30 พ.ค.67 นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "กระบวนการยุติธรรมไทย ในมรสุมการเมือง" มีเนื้อหาดังนี้
ทุกวันนี้หากถือตามวาทะกรรมด้อมส้ม ก็ต้องบอกว่า เกิด”นิติสงคราม”ขึ้นหลายศึก ทั้งคดียุบพรรคก้าวไกล คดีถอดถอน นายกฯเศรษฐา และคดีนายกฯทักษิณ ที่พูดกันไปเรื่อยในโซเชียล ว่าแต่ละคดีต่างก็มีเบื้องหลังความเป็นมา มาจากดีลโน้นดีลนี้ทั้งนั้น ฟังแล้วถ้าใครหลงเชื่อก็จะเห็นศาลและอัยการเป็นหุ่นกระบอก ถูกเชิดตามกระแสการเมืองไปเสียหมด
ในฐานะที่ได้เรียนและสอนกฎหมายมานานพอควร และผ่านประสบการณ์เคยเครียดทำคดียึดทรัพย์นักการเมืองเป็นหมื่นล้านมากับมือ ก็ใคร่ขอให้ท่านผู้สนใจทั้งหลาย ช่วยเหลือพื้นที่ในสมองให้แก่ระบบกฎหมายบ้างว่า คดีเหล่านี้จะใหญ่โตอย่างไร ก็ยังมีวิธีคิดและระบบยุติธรรมที่คอยกำกับให้คำวินิจฉัยอยู่เหนือกระแสการเมืองได้ ท่านใดจะเชื่อ จะพูดจากันอย่างไร ก็ขออย่าถึงขั้นแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมกันจนเกินไป ดังผมจะขอชี้บ่ง ไว้บ้างดังนี้
คดียุบ “ก้าวไกล”
ถาม คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งยกคำร้องของ กกต. ที่ให้ยุบพรรคก้าวไกล ได้ไหมครับ ในเมื่อศาลได้เคยวินิจฉัยให้ พรรคหยุด รณรงค์เลิก ๑๑๒ เพราะมีผลกร่อนเซาะสถาบันของชาติ ไว้คดีหนึ่งแล้ว
ตอบ ผมว่า ทีมพรรคก้าวไกลเขาสู้คดีไว้ถูกต้องตามแนวทางในกฎหมายแล้วนะครับว่า แม้การกระทำจะไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องยุบพรรคนะครับ รัฐธรรมนูญ ก่อนฉบับ ปี ๖๐ ก็เคยบัญญัติไว้ชัดแล้วว่า แม้ศาลจะสั่งให้หยุดพฤติการณ์อันเป็นการล้มล้างแล้วก็ตาม ศาลยังมีดุลพินิจที่จะยุบหรือไม่ยุบพรรคนั้นก็ได้
ถาม แล้วมารัฐธรรมนูญ ๖๐ ตัดอำนาจยุบพรรคของศาลออกไปหรือครับ
ตอบ เขาตัดออกไป ให้ กกต. เป็นผู้เริ่มคดีเป็นอีกคดีหนึ่ง คือให้ไปรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้ว่า พรรคก้าวไกลเป็นการรวมตัวเพื่อเซาะกร่อนสถาบันกษัตริย์จริงๆหรือไม่ ซึ่งตรงจุดนี้ผมก็ไม่ทราบว่ามีพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนในศาลเพียงพอหรือไม่
ถาม ถ้าศาลยกคำร้อง พวกสลิ่ม คงตีอกชกหัวตายเป็นฝูงเลย นะครับ
ตอบ ศาลท่านต้องตัดสินไปตามครรลองที่ปรากฏในครรลอง ถ้ายังสงสัยท่านจะไต่สวนเพิ่มเติมก็ได้ ส่วนพวกสีต่างๆ จะลุ้นกันอย่างไรก็ว่ากันไปเป็นส่วนตัว ตาม รัก โลภ โกรธ หลง ที่มี
คดีถอดถอน นายกฯเศรษฐา
ถาม คดีนี้ทางรอดของ นายกฯเศรษฐา อยู่ที่ตรงไหนบ้างครับ
ตอบ ตุลาการข้างน้อยกลุ่มหนึ่ง ท่านเห็นไปแล้วว่า กรณีนี้ไม่ใช่คดีขาด “คุณสมบัติ” ดังนั้นในภายหน้าแม้จะไต่สวนกันต่อไปว่า นายกฯเศรษฐา มีพฤติการณ์ตุกติกเพราะขอความเห็นแล้วใช้ความเห็นกฤษฎีกาโดยไม่ซื่อตรงก็ตาม แต่ในที่สุดท่านเหล่านี้ก็คงตัดสินให้หลุดจากตำแหน่งไปตามการไต่สวนไม่ได้
ถาม แล้วตุลาการข้างมากที่ให้รับคำร้อง จะฟัน นายกฯเศรษฐา แน่ๆเลยใช่ไหม
ตอบ ก็ไม่ใช่เช่นนั้น บางท่านอาจเห็นแต่เพียงว่า คำร้องถูกต้องชัดเจน จึงรับไว้ไต่สวนก่อนเท่านั้นก็ได้ ต้องดูผลการไต่สวนต่อไปว่า ผู้ถูกร้องเลวร้ายขนาดไหนด้วย
ถาม อย่างน้อยในข้างมากนี้ ก็มีตุลาการที่ให้เศรษฐาหยุดทำหน้าที่อยู่ด้วย ท่านเหล่านี้ต้องรอฟันคออยู่แน่ๆแล้ว
ตอบ มันก็ไม่ใช่จะเป็นอย่างนั้นนะครับ คดีนี้มันไม่ชัดเหมือนกรณี คดีนายกฯประยุทธ์ ที่ปัญหาในคดีเป็นข้อกฎหมายล้วนๆ มีเส้นแดงชัดเจนว่า ดำรงตำแหน่งเกินสองครั้งไม่ได้ ศาลสั่งให้หยุดทำหน้าที่เลยก็มีเหตุผล แต่คดีนายกฯเศรษฐาไม่มีเส้นแดงชัดเจนอย่างนั้น ตุลาการจึงเห็นต่างกันได้ ส่วนท่านที่เห็นให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านตั้งท่าจะฟันนายกฯเศรษฐา อย่างแน่นอน เช่นกัน
ถาม สรุปแล้วยังฟันธงอะไรไม่ได้
ตอบ มันชัดว่ามีการตุกติก ไม่ตรงไปตรงมา แต่จะให้ยุติเป็นการขาดคุณสมบัติ เหมือนพระต้องปาราชิก เพราะล้มเซไปจับหน้าอกสีกาแล้วนิ่งอยู่ ๒ นาที นั้น แค่นี้ยังต้องมีพฤติการณ์ประกอบอีกไม่น้อย
ถาม อาจารย์วิษณุ เครืองาม คงชี้ทางสู้คดีให้ นายกฯเศรษฐาเห็นแล้ว เขาถึงได้แต่งตั้งเป็นที่ ปรึกษาสำนักเลขาคณะรัฐมนตรี ( สลค. )
ตอบ ผมก็อ่านตรงกับคุณ พอให้เป็นที่ปรึกษานี้แล้ว ต่อไปอาจารย์ก็ไปให้ปากคำในศาลในฝ่ายนายกฯเศรษฐาได้สบายในฐานะเป็นที่ปรึกษาราชการ ทั้งเรื่องแนวปฏิบัติ สลค.ในการตรวจสอบคุณสมบัติ รัฐมนตรี และในการสอบถาม กฤษฎีกา ได้สบาย ไม่เปลืองตัว
คดี ๑๑๒ ของ นายกฯทักษิณ
ถาม ที่ อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง นายกฯทักษิณ นี่ วงการกฎหมายผิดคาดไหมครับ
ตอบ คดีนี้ กรมพระธรรมนูญ กองทัพบก เป็นผู้รวบรวมคดี อสส.ท่านเดิมก็มีความเห็นควรสั่งฟ้องไว้แล้วพอผู้ต้องหากลับมาและขอความเป็นธรรม อัยการรับไว้และขอเวลาพิจารณา ก็ถูกต้องแล้วที่ต้องฟังผู้ต้องหาบ้าง พอสอบเพิ่มเติมแล้วก็สั่งฟ้อง นี่ก็ไม่ผิดปกติอะไร คดีสำคัญโดนคนสำคัญกล่าวหาโดยกองทัพบกอย่างนี้ ไม่มีใครสั่งเฮงๆ ซวยๆ ได้หรอกครับ
ถาม ถ้าวันที่ ๑๘ คุณทักษิณ ไม่มา จะเป็นอย่างไร
ตอบ ไม่มาก็น่าจะโดนหมายจับเลย ที่เลือกเริ่มป่วยโควิดในวันที่ ๒๘ เพื่อขอเลื่อนไม่มาในวันที่ ๒๙ เพราะติดโควิดนั้น ก็คงต้องการเวลาเตรียมการเท่านั้น วันจริงผมว่าเขาต้องมา แต่ต้องจัดการให้ดูดี ไม่ใช่ให้ไปนั่งอยู่หน้ากรงขังใต้ถุนศาล ๒ ชั่วโมง รอศาลขึ้นสั่งคำขอประกันตัว อย่างผู้ต้องหาทั่วไป สื่อถ่ายรูปตอนพิมพ์นิ้วมือกันวูบวาบ ส่วนปัญหาว่าศาลท่านจะให้ประกันหรือไม่นั้น ถ้าไม่ให้ท่านก็ต้องมีเหตุผลอธิบายได้
ถาม อัยการจะค้านประกันว่า “ผู้ต้องหาหนีคดีเป็นนิสัยติดตัวฝังรากเสียแล้ว สุขภาพแท้จริงก็แข็งแรง เพ่นพ่านไปทั่วประเทศ พร้อมจะหนีไปไหนก็ได้ทุกเมื่อ” ยกอย่างนี้ได้ไหมครับ
ตอบ คงต้องรอฟังเหตุผลในคำขอประกันเขาก่อนครับ ตอนไปศาลเขาอาจจะกลับไปใส่เฝือก ใส่แมสก์ปิดปาก นั่งวีลแชร์ติดท่ออ๊อกซิเจน ยื่นคำร้องขอประกันด้วยมืออันสั่นเทา ด้วยใบหน้าเจ็บปวด อ้างเหตุร่างกายสิ้นสภาพช่วยตัวเองไม่ได้ หรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็น่าค้านอยู่หรอกครับ
ถาม พอผู้พักโทษต้องคดีอย่างนี้ ราชทัณฑ์จะรอรับตัวนำนักโทษไปติดคุกอีก ๓ เดือน ตามโทษคดีคอร์รัปชั่นที่เหลือได้เลยไหมครับ
ตอบ ทำได้ครับถ้าเป็นเรื่องนักโทษ ไปก่อคดีขึ้นใหม่ในระหว่างพักโทษ แต่คดีนี้ไม่ใช่ มันเป็นคดีเก่าที่ต้องคดีขึ้นใหม่อีกคดีเท่านั้น
ถาม คดีใหม่อย่างนี้ ได้ประกันตัว แล้วสู้สามศาลถึงชั้นฎีกา ก็ได้เวลาอีก๓-๔ ปีสบายๆ
ตอบ จะไปเลือกหนีเอาตอนศาลฏีกาจะอ่านคำพิพากษาก็ได้ โดยใช้ถุงขนมจนรู้คำพิพากษาก่อน พอรู้ว่าต้องโทษแน่ๆ ก็หนีเลย แต่จากวันนี้ เขายังมีเวลาอยู่ในเมืองไทยอีกนาน
ถาม อาจารย์ว่า คนคนนี้จะทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์อย่างนี้
ตอบ ในทาง “ลี้ลับ” คนคนนี้เขาก็ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อเสียบารมีขนาดนี้แล้ว ในพรรคและพวกสีแดง จะมีใครฟังเขาอีกหรือไม่เท่านั้น ส่วนที่เปิดเผยบนดินนั้น เขาก็น่าจะสั่งการเทกำลัง สส.ไป สนับสนุนการเพิ่มความผิดตามมาตรา ๑๑๒ ลงไปในร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ของก้าวไกลด้วยก็ได้ เพราะนี่คือทางรอดคดีทางเดียวของเขา
ถาม นี่การเมืองไทย จะเกิด“แดง” บวกกับ “ส้ม” จนเป็นพันธมิตรสี “แสด” เช่นนั้นหรือ
ตอบ ต้องรอดูว่าพรรคก้าวไกล จะก้าวโง่ๆสั้นๆอย่างนั้นหรือไม่....ทางสวรรค์มี ไม่รู้จักเดิน
#แก้วสรรอติโพธิ #ทักษิณชินวัตร #มาตรา112 #ก้าวไกล #ข่าววันนี้