วันที่ 30 พ.ค.2567 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย กรณี40 สว.ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  สถานการณ์การเมืองจะมีอะไรทำให้สะดุดหรืออยู่ได้นานหรือไม่ว่า  ตอนนี้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร คาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าสมมุติว่าเป็นไปในทางที่ร้ายก็ต้องมาคุยกันใหม่ในรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น อย่างไรประเทศไทยต้องมีรัฐบาล ก็ต้องมีนายกฯมาบริหาร แต่ถ้าเป็นไปในทางที่ดีก็อยู่ที่ผู้บริหารจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีอะไรแปลก 

เมื่อถามว่าคดีมาตรา 112 จะเป็นบรรทัดฐานกับกรณีอื่นๆหรือไม่เพราะตั้งแต่นายทักษิณ กลับมายังไม่ได้รับโทษอะไร จะสามารถเคลียร์ได้หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า อัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายทักษิณก่อนเดินทางเข้าประเทศ โดยธรรมเนียมปฏิบัติ หรือวิธีการณ์ต่างๆตนคาดการณ์ไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่าอัยการสูงสุดต้องสั่งฟ้อง ท่านคงไม่พลิกคำวินิจฉัยของอัยการคนอื่นก่อน น่าจะเป็นเรื่องของหลักกฎหมาย แต่ว่าผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ศาล

เมื่อถามว่าได้มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองหรือไม่ว่าจะมีปัจจัยต่างๆให้เปลี่ยนรัฐบาลหรือไม่ หรือจับขั้วกันใหม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ สำหรับท่าทีพรรคประชาธิปัตย์เราก็เลือก อย่าคิดว่าเราอยากจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ตนบอกหลายครั้งแล้วว่าช่วยบอกประชาชนและนักวิเคราะห์ข่าวทั้งหลายว่าเลิกคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสำรองได้แล้ว การที่เป็นพรรคการเมืองต้องพร้อมเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่มีพรรคไหนประกาศเป็นรัฐบาลอย่างเดียวแล้วได้เป็น หรือพรรคไหนตั้งมาเพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างเดียว ไม่ใช่ประเทศไทย ในโลกก็ไม่มี

เมื่อถามว่ากับพรรคก้าวไกลก็ยังทำงานกันได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้วยกัน แต่เรื่องการทำงานอย่างอื่นอยู่ที่หลักการ และอุดมการณ์ ถ้าส่วนไหนไปด้วยกันได้เราก็ทำงานได้กับทุกพรรค ส่วนไหนไปด้วยกันไม่ได้เราก็ทำงานด้วยกันไม่ได้