แม้สภาวะเศรษฐกิจใน สปป.ลาว จะได้รับผลกระทบจากค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลง ราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น แต่ในปี 2567 นี้ได้ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ  2.72 ล้านคน รับปีการท่องเที่ยวลาว 2024  ส่วนในปี 2568 จะมี 2.95 ล้านคน และในปี 2569 จะฟื้นตัวดีต่อเนื่องเป็น 3.17 ล้านคน หลังจากปี 2562 ก่อนโควิดระบาดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนมากที่สุดถึง 4.79 ล้านคน

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกนักที่จะทำให้นักลงทุนจากไทยเดินทางเข้าไปทำธุรกิจในลาวอย่างต่อเนื่อง เป็นอันดับสองรองจากประเทศจีน และ สปป.ลาวยังเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าไทยรายสำคัญ สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายในนครหลวงเวียงจันทน์ ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นตรงที่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี และบรรจุภัณฑ์ทันสมัย เป็นต้น

อีกทั้งยังมีกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านรีเทลมากมายต่างหลั่งไหลเข้าไปปักธงจองทำเลทองกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เพื่อเจาะตลาดลูกค้าระดับบน รวมไปถึง  ธุรกิจโรงแรม ที่มีการแข่งขันของกลุ่มโรงแรมใหญ่ 4-5 ดาว ขนาด 100-200 ห้องพักจากเชนโรงแรมอินเตอร์ฯ ที่เข้ามาพัฒนาเตรียมเปิดโรงแรมใหม่ในเวียงจันทน์เพิ่มมากขึ้น เช่น แบรนด์ดับเบิลทรี เรดิสัน และอวานี ที่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง นอกเหนือจากที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว 3-4 แห่ง เช่น แลนด์มาร์ก และคราวน์ พลาซ่า  

ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยว

ซึ่งที่ผ่านมา เครือเซนทารา ได้เซ็นสัญญาก่อสร้าง 3 โรงแรมใหม่ รวม 216 ห้องใน สปป.ลาว เมื่อปี 2561 ได้แก่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และโรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา เมืองหลวงพระบาง ส่วนอีกโรงแรมหนึ่งคือ โรงแรมโคซี่ เวียงจันทน์ (COSI) ขนาด 100 ห้อง แนวไลฟ์สไตล์สำหรับนักท่องเที่ยวผู้รักอิสระตั้งอยู่ที่ย่านน้ำพุ ถนนสุพานุวง ย่านที่พักค้างคืนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่  25 มี.ค. 2567 ถือเป็นโรงแรมโคซี่แห่งที่ 4 และแห่งแรกในต่างประเทศ ทั้งยังเป็นก้าวสำคัญของเครือเซ็นทารา นับหนึ่งปักธงโรงแรมแห่งแรกใน สปป.ลาว อีกด้วย

สำหรับแบรนด์โคซี่ที่เข้ามาเจาะกลุ่มตลาดห้องพักราคาประหยัด ซึ่งในเวียงจันทน์ยังมีแบรนด์จากเชนต่างๆ ไม่มากนัก โดยมีเพียงแบรนด์ไอบิส (Ibis) ในกลุ่มราคาประหยัดเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้มองว่าชนกัน โดยเฉพาะแบรนด์โคซี่ ที่เน้นโมเดลคุมต้นทุน ทั้งการออกแบบอาคารให้ประหยัดพลังงาน รวมถึงการออกแบบบริการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ อยู่ในโลเคชั่นที่ดี เตียงดี ห้องน้ำสะอาด ไวไฟแรง เป็นปัจจัยเสริมในการทำกำไรเบื้องต้นจากการบริหาร ได้ดี

โดย  นายพศิน นพสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ กล่าวว่า  โรงแรมโคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของ สปป.ลาว ในย่านที่คล้ายถนนข้าวสารในกรุงเทพฯ มีห้องพักให้บริการทั้งหมด 95 ห้อง ถือว่ามีจำนวนมากแล้วเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโรงแรมในเวียงจันทน์ซึ่งส่วนใหญ่มีประมาณ 20 ห้องต่อแห่งเท่านั้น

พศิน นพสุวรรณ

ซึ่งเจ้าของโรงแรมแห่งนี้คือ บริษัท เอเชีย ลงทุน พัฒนา และก่อสร้าง จำกัด หรือ AIDC  (Asia Investment, Development and Construction Sole Co., Ltd.) เป็นกลุ่มทุนของลาว ใช้งบลงทุนพัฒนาโรงแรมนี้ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 220 ล้านบาท โดยกลุ่ม AIDC ได้ว่าจ้างเครือเซ็นทาราบริหารโรงแรมอีก 2 แห่งใหม่ใน หลวงพระบาง ด้วย จำนวนห้องพักประมาณ 50 ห้องต่อแห่ง มีกำหนดเปิดให้บริการในอีก 2 ปีข้างหน้าหรือ ปี 2569

สำหรับ โรงแรมโคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ ถือเป็นโรงแรมแห่งแรกของกลุ่ม AIDC ทางเจ้าของเลือกใช้แบรนด์โคซี่จากจุดขายความเป็นโรงแรมไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์นักเดินทางรุ่นใหม่ ในรูปแบบง่ายๆ สบายๆ มีโมเดลการบริหารเน้นควบคุมต้นทุน ตอบโจทย์การลงทุนโรงแรมในเวียงจันทน์ของกลุ่ม AIDC ซึ่งมีเป้าหมายพัฒนาโลเคชั่นโซนน้ำพุใจกลางกรุง ให้กลับมาเป็นแลนด์มาร์คดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยทางโรงแรมเป็นผู้ดูแลพื้นที่ ซึ่งได้มีการวางแผนจัดอีเวนต์ เช่น งานแสดงดนตรี เพื่อดึงคนมาใช้ชีวิต สร้างความคึกคักให้กับโซนน้ำพุต่อไป

ได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ นายพศิน ยังกล่าวถึงบริเวณภายในโรงแรมแห่งนี้ ว่า มีสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า และพื้นที่ส่วนกลาง หรือโซเชียล ฮับ (Social Hub) ไว้สังสรรค์พบปะผู้ร่วมเดินทาง และคาเฟ่ 247 ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแขกผู้เข้าพักจะได้รับเครดิตประจำวันสำหรับใช้แลกอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย

ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการโรงแรมโคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ เพียง 2 เดือน พบว่าได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยในเดือน เมษายน ซึ่งเป็นเดือนแรกที่เปิดมีอัตราการเข้าพักกว่า 60-70% โดยเป็นลูกค้าคนไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 30% ด้วยเทศกาลสงกรานต์เป็นตัวดึงดูดจนทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาดไว้ ส่วนเป้าหมายอัตราการเข้าพักตลอดปี 2567 อยู่ที่ 50% โดยในช่วงเปิดโรงแรมมีโปรโมชั่นราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,800 บาท หรือประมาณ  50 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมนี้

 สำหรับการเปิดโรงแรมแบรนด์โคซี่ที่ สปป.ลาว ถือ เป็นแห่งแรกของเครือเซ็นทาราในต่างประเทศ พร้อมกันนี้ยังมีแผนเปิดโรงแรมโคซี่ในญี่ปุ่นและเวียดนามเพิ่มอีกด้วย หลังจากเปิดให้บริการโรงแรมโคซี่ในไทยแล้ว 3 แห่งของเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั้งพัทยา สมุย ที่เครือเซ็นทาราเป็นเจ้าของเอง และรับบริหารอีกหนึ่งแห่ง ที่จังหวัดกระบี่  นอกจากนี้ยังเข้ารับบริหารโรงแรมใหม่ในเมืองสะหวันนะเขต สปป.ลาวอีก 1 แห่งมีเจ้าของเป็นอีกบริษัท จึงทำให้ตอนนี้เครือเซ็นทาราเข้ารับบริหารโรงแรมใน สปป.ลาว 4 แห่ง