สำหรับหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไป และพลาดไม่ได้ คือ อ่าวมาหยา อยู่บนพื้นที่เกาะพีพีเล ได้รับการดูแลรักษาจากอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์แห่งอันดามัน เนื่องมาจากการพังทลายและยุบตัวของหน้าผาตามธรรมชาติ จนเกิดลักษณะพื้นที่เป็นอ่าว คล้ายรูปทรงพระจันทร์ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูน โดยล่าสุด ติดอันดับ 5 ของโลก 100 ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้ในทุกวันที่ 1 ตุลาคม - 30 กรกฎาคม และจะมีการปิดเกาะเพื่อให้ธรรมชาติได้รักษาและฟื้นฟูเป็นเวลา 2 เดือน ในช่วงวันที่ 1 สิงหาคม - วันที่ 30 กันยายน ของทุกปี

ใส่ใจในทุกองค์ประกอบของทัวร์

โดย  นายต่อพงษ์ วงศ์เสถียรชัย  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลิฟอันดามัน จำกัด กล่าวว่า  โมเดลการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ผู้บริโภคยังไม่คุ้นเคยในการทำตลาดกับเส้นทางเดินเรือ  โดยในทุกโปรแกรมของ เลิฟอันดามัน จะมีวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับข้อห้ามต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ก่อนเริ่มโปรแกรมเสมอ อย่างเช่น การท่องเที่ยวที่อ่าวมาหยา ที่จะต้องปฏิบัติตามกติกา เงื่อนไข และข้อกำหนดทั้งหมด

รวมไปถึงยังมีการใส่ใจในทุกองค์ประกอบของโปรแกรมทัวร์ ตั้งแต่การเลือกเครื่องยนต์ของเรือ ที่จะต้องไม่ทิ้งคราบน้ำมันลงทะเล มาให้บริการไปจนถึงลดการใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด ระหว่างโปรแกรมทัวร์ จึงทำให้การเดินทางกับ Love Andaman ไม่ใช่เพียงความสนุกและความประทับใจ ที่ได้จากประสบการณ์การท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังมีความรู้สึกภาคภูมิใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่สามารถส่งต่อไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย

พร้อมกันนี้ นายต่อพงษ์ ได้กล่าวว่า การนำโมเดลการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มาสร้างความตระหนักให้กับลูกค้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวงการทัวร์ในบ้านเราได้มากเพียงใดคงไม่มีใครตอบได้ แต่ที่แน่ ๆ นักท่องเที่ยวนับแสนคนที่เคยใช้บริการของ Love Andaman จะนำเอาความรู้และความเข้าใจถึงข้อห้ามต่าง ๆ ในการเที่ยวทะเล พกไปใช้กับการเที่ยวทะเลครั้งต่อไป

ได้รับความร่วมมือในทุกภาคส่วน

โดย นายต่อพงษ์  กล่าวต่อว่า อย่างเช่น ธรรมชาติของอ่าวมาหยา หลังจากฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้อ่าวมาหยามีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากขึ้น มีปลาน้อยใหญ่ รวมถึงไฮไลต์สำคัญอย่าง “ฉลามครีบดำ” ที่วนเวียนให้ได้เห็นกันจำนวนมากที่สุดในรอบหลายปี จนในปี 2566 นี้ ที่การท่องเที่ยวไทยเริ่มผ่อนคลายและครึกครื้นมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เองทำให้ฉลามครีบดำที่เคยอาศัยอยู่บนอ่าวมาหยากลับเริ่มทยอยหายไปหลังจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวที่นับวันเริ่มทวีจำนวนมากขึ้น

ซึ่งทาง อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้เห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ จึงทำให้มี กติกา เงื่อนไขให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไป “อ่าวมาหยา” เพิ่มขึ้นมาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยในปัจจุบันไม่สามารถเข้าอ่าวมาหยาจากหน้าเกาะ แต่มีการเปิดให้เข้าได้ทางด้านหลังเกาะของอ่าวมาหยา โดยมีท่าเรือรองรับ และเรือที่สามารถเดินทางเทียบท่าได้ คือ เรือหางยาว สปีดโบ๊ต และเรือยาง เท่านั้น ส่วนหาดด้านหน้าของอ่าวมาหยาสามารถถ่ายรูปได้ หรือเดินเล่นได้ แต่ไม่สามารถเล่นน้ำได้ หากต้องการดำน้ำตื้น และเล่นน้ำ ต้องใช้หาดด้านหลังของอ่าวมาหยาเท่านั้น

รวมทั้ง อ่าวมาหยา จำกัดนักท่องเที่ยวจำนวน 4,125 คนต่อวัน โดยจะแบ่งการขึ้นเกาะเป็น 11 รอบ รอบละไม่เกิน 1 ชั่วโมง จำกัดที่ 375 คนต่อรอบ ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น.มีระบบชำระค่าเข้าอุทยานแบบ E-Ticket  โดยนักท่องเที่ยวสามารถจ่ายออนไลน์ได้บนแอปพลิเคชัน QueQ เพื่อลดความแออัด และง่ายต่อการท่องเที่ยว ห้ามบินโดรนโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสม Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3), Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate), 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben ซึ่งเป็นอันตรายต่อปะการัง และสัตว์ทะเล

โดยกติกา เงื่อนไข และข้อปฏิบัติทั้งหมดนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและสัตว์ที่อาศัยอยู่อีกทางหนึ่ง และเป็นการอนุรักษ์พื้นที่ท่องเที่ยว  อย่าง “อ่าวมาหยา” ให้ยังคงฉายาว่า “สวรรค์แห่งอันดามัน” ไปอีกนานเท่านาน ด้วยการได้รับความร่วมมือในทุกภาคส่วนการท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด