จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 เกิดเหตุกลุ่มการ์ด ดูแลสถานประกอบการภายใน ซอยพัทยา 6 ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ อย่างป่าเถื่อนทารุณ สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และทำลายภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวมาดำเนินคดี ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 พ.ต.ต.อภิชาติ จารุรักษ์ สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 เปิดเผยว่าสามารถติดตามนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่ปรากฏในคลิปวีดีโอ ถูกทำร้าย เข้ามาให้ปากคำ และแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมกับกลุ่มการ์ดที่ก่อเหตุในวันนั้น
โดยหลังจากเกิดเหตุจนควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้นั้น เป็นเวลา 5 วัน ที่พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทั้งสภ.เมืองพัทยาและ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนท่องเที่ยวเมืองพัทยา นำกำลังลงพื้นที่ออกติดตามหาตัวกลุ่มผู้เสียหาย จนกระทั่งพบตัว MR.BRYCE อายุ 42 ปี สัญชาติอังกฤษ และเพื่อนสัญชาติเดียวกันที่ปรากฏในคลิปวันเกิดเหตุ ส่วนอีกคนนั้นได้เดินทางไปพักที่กรุงเทพมหานครแล้ว
ขณะที่ MR.BRYCE อายุ 42 ปี สัญชาติอังกฤษ มีอาการบาดเจ็บฟกช้ำที่ใบหน้าและศีรษะ ถลอกตามร่างกาย เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าในวันเกิดเหตุ ตรงกับวันเกิดของตัวเองๆกับเพื่อนอีกสองคนจึงได้เดินทางไปดื่มที่ร้านดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน หลังดื่มสังสรรค์กันเสร็จเกิดมีปัญหาเรื่องบิลค่าเครื่องดื่มกับทางร้าน จนเกิดการกระทบกระทั่งกัน ก่อนจะเกิดความรุนแรงตามที่ ปรากฏในคลิปวิดีโอดังกล่าวขึ้น
เบื้องต้น MR.BRYCE อายุ 42 ปี สัญชาติอังกฤษ หลังให้ปากคำเสร็จจึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มการ์ดที่ก่อเหตุในวันนั้น ส่วนเพื่อนอีกคนไม่กล้าเดินทางเข้าแจ้งความ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยที่จะใช้ชีวิตต่อในพื้นที่เมืองพัทยา อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยโดยไม่รับอนุญาต จากนายทะเบียน มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ในเรื่องของการทำร้ายร่างกายผู้อื่นเพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ยังได้รับการเปิดเผยอีกว่ากลุ่มที่ก่อเหตุนั้นเป็นกลุ่มที่ตั้งกันขึ้นมาเองโดยไม่ได้ผ่าน การอบรมจากบริษัทหรือหน่วยงานใดทั้งสิ้น และไม่ได้ประจำกับสถานประกอบการใด ซึ่งไม่ตรงตามนโยบายของภาครัฐ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านี้ หากพบมีการกระทำผิดใดก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีกครั้ง