สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์ แถลงรายงานผลการสอบสวนเบื้องต้นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สิงคโปร์แอร์ไลน์สตกหลุมอากาศ ขณะบินเหนือน่านฟ้าประเทศเมียนมา จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
โดยผลการสอบสวนข้างต้น ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้คนบนเครื่องฯ ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เพราะเกิดแรงโน้มถ่วง หรือแรงจี (G) ที่แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเพราะตกหลุมอากาศ และระดับความสูงของเครื่องบินก็ลดลง 178 ฟุต จาก 37,362 ฟุต ลงไปอยู่ที่ 37,184 ฟุต
พร้อมกันนี้ จากผลการตรวจสอบข้อมูลจากกล่องบันทึกการบิน หรือกล่องดำ ภายในห้องนักบิน ยังพบด้วยว่า นอกจากเครื่องบินประสบกับแรงโน้มถ่วงที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพราะตกหลุมอากาศแล้ว ก็ยังพบว่ามีผู้ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยหลายคน ซึ่งผู้ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจะตัวลอยอย่างกระทันหัน จากนั้นอัตราเร่งแนวดิ่งได้เปลี่ยนแปลงจาก “ลบ 1.5 จี” เป็น “บวก 1.5 จี” ภายในระยะเวลาเพียง 4 วินาทีเท่านั้น ทำให้ผู้ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยที่กำลังลอยตัวขึ้นไปได้ตกลงมาอย่างรวดเร็ว
จากการสอบสวนยังพบด้วยว่า ในช่วงที่เครื่องบินเผชิญกับการสั่นสะเทือนนั้น เครื่องบินได้เพิ่มระดับความสูงโดยที่ไม่สั่งการ เป็นเหตุให้ระบบควบคุมการบินอัตโนมัติบังคับเครื่องให้ลดระดับความสูงลง ขณะที่นักได้ลดความเร็วลง และได้ยินเสียงนักบินแจ้งเปิดสัญญาณให้คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย
สำหรับ เหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 71 ราย หลังเกิดเหตุนักบินได้ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิของประเทศไทย