กรณีนายณัฐพงษ์ คัดทะจันทร์ หรือโอ๊ตมีล อายุ 26 ปี นักแสดงซีรีย์วาย ถูกคนร้ายก่อเหตุฉกโทรศัพท์มือถือไอโฟน 13 โปรแม็กซ์ ที่พกไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง เหตุเกิดขณะที่เที่ยวที่ ร้านท่าช้าง ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เหตุเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเข้าแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน จากนั้นได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย ดาราชายคนดังกล่าวได้ตรวจสอบโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุพบว่า เป็นเจ้าของสถานเสริมความงาม ย่านเอเชียทีค ใช้ชีวิตหรูหราจนสงสัยว่า ทำไมจึงมาก่อเหตุดังกล่าว 

ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 พ.ค.67 นายณัฐพงษ์ คัดทะจันทร์ หรือโอ๊ตมีล อายุ 26 ปี นักแสดงซีรีย์วาย พร้อมด้วย น.ส.มนธิรา สองเมือง ทนายความส่วนตัว เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อนัดตัวคู่กรณีมาเจรจาเรื่องค่าเสียหาย โดยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนนายณัฐพงษ์ หรือโอ๊ตมีล เปิดเผยว่า ตำรวจแจ้งให้ตนมาพูดคุยกับทางคู่กรณี เพื่อเจรจาเรื่องค่าเสียหาย โดยก่อนหน้านี้ยังไม่มีการเจรจากันมาก่อน หลังเกิดเหตุตนได้ถามเพื่อนที่รู้จักกับผู้ก่อเหตุรายนี้ กระทั่งทราบว่าเป็นใคร โดยตนได้นำหลักฐานทั้งหมดรวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ติดต่อประสานงาน 

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า โดยในวันเกิดเหตุตนถูกคนร้ายก่อเหตุลักโทรศัพท์ไปและยังมีผู้เสียหายอีก 2 รายที่ไปขอตรวจกล้องวงจรปิดภายในร้าน เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นชายคนเดียวกัน โดยในวันเดียวกันมีโทรศัพท์หายทั้งหมด 4 เครื่อง ตั้งแต่ ม.ค.67 เป็นต้นมามีผู้เสียหายจากเหตุโทรศัพท์หายราว 30 คน  แต่บางคนไม่ยอมติดตามเรื่อง ในขณะที่โทรศัพท์ของบางคนตรวจสอบแล้วพบว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา 

ซึ่งจากภาพวงจรปิดจะพบว่า ผู้ก่อเหตุได้พยายามเดินประกบตนที่บริเวณหน้าร้านแล้วเดินตามกลับเข้าไปภายในร้านจนกระทั่งสามารถลักโทรศัพท์ไปได้ คดีนี้เป็นคนดีอาญา แต่ในความเสียหายที่เกิดขึ้น อยากให้ผู้ก่อเหตุรับผิดชอบ เนื่องจากตนเสียหายมาก สูญเสียข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด เพราะนอกจากการเป็นนักแสดง ตนยังเป็น เอ็มซี พรีเซ็นเตอร์ เอเยนซี่คลินิกศัลยกรรม ที่มีรายชื่อของลูกค้าจำนวนมากอีกด้วย และไม่มีใครรับประกันได้ว่า ข้อมูลในโทรศัพท์ตนจะไม่หายไป และใครจะรับผิดชอบหากเกิดคดีขึ้นมาแล้วมีชื่อตนหรือชื่อของลูกค้าไปเกี่ยวข้องจะทำอย่างไร เป็นเรื่องเสียหายรุนแรงมาก ในขณะนี่เงินในบัญชีของตนยังไม่สูญหายไปแต่อย่างใด และได้ทำการอายัดไว้หมดแล้ว 

"ผมไม่ทราบว่า แรงจูงใจที่เขาก่อเหตุเกิดจากอะไร ทำไมจึงทำแบบนี้ ทราบว่า คู่กรณีให้ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า ไม่ได้เอาไป แต่เสนอจะซื้อโทรศัพท์ใช้ให้ ซึ่งน่าแปลกเพราะถ้าไม่ผิดจะมาซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้ทำไม“นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า โดยมาทราบภายหละงว่าผู้เสียหายที่ถูกขโมยโทรศัพท์นั้นมีทั้งชายและหญิง และไม่เลือกรุ่นหรือยี่ห้อโทรศัพท์ ซึ่งถ้าวันนี้ตนได้คุยกับคู่กรณีก็คิดว่าอยากที่จะประนีประนอมซึ่งถ้าทำได้ทุกปัญหาก็จะจบ และขอให้เป็นบทเรียนในชีวิต เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว และอยากให้คู่กรณีรับสารภาพ ที่ทราบมาเขาเคยก่อเหตุแบบนี้มาก่อน หากสมว่า

ต่อมาในเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจาก น.ส.มนธิราว่า วันนี้คู่กรณีจะไม่เดินทางเข้ามาเพื่อพูดคุยไกล่เกลี่ยแล้ว โดยให้เหตุผลว่า “กลัวสื่อ” ในส่วนของนัดพูดคุยเจรจาอีกครั้งนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเป็นวันไหนหรือเวลาใด