เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 พ.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมืองทองธานี พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญจำนวน 3 คดี

คดีแรกจับหนุ่มใหญ่ชาวฝรั่งเศสส่งออกโคคาอีน โดย กก.1 บก.สส.สตม. ได้จับกุมนายมาซองซ์ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 160/2567 ลงวันที่ 23 เม.ย.2567 ความผิดฐาน พยายามส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน 

สืบเนื่องจาดเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 บช.ปส.ได้รับการประสานจากพนักงานของบริษัทผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุแห่งหนึ่ง หลังตรวจเอ็กซเรย์พัสดุเพื่อคัดแยกก่อนนำส่ง ของศูนย์บริการพระราม 9 พบพัสดุระหว่างประเทศปลายทางประเทศกัมพูชาต้องสงสัยว่ามีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ภายใน จึงไปตรวจสอบพบกล่องพัสดุมีขนาดน้ำหนักรวม 1 กิโลกรัม จำนวน 1 กล่อง ระบุชื่อที่อยู่ผู้ส่ง Gregore xxxx10120  BANGKOK THAILAND Contact: +660937924XXX ถึงผู้รับ Jerome xxxx 171209 SIEM REAP CAMBODIA Contact: +855967420XXX เมื่อเปิดกล่องพัสดุพบภายในบรรจุกล่องรถบังคับวิทยุสีแดง ภายในมีรถบังคับวิทยุ จำนวน 1 คัน รีโมทบังคับ จำนวน 1 ชิ้น และกล่องกระดาษสายชาร์จ แต่ภายในไม่มีสายชาร์จกลับพบผงสีขาวจับตัวเป็นก้อนห่อด้วยพลาสติกปิดด้วยความร้อน จำนวน 1 ห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 10 กรัม เมื่อนำตัวอย่างผงสีขาวดังกล่าวทดสอบกับน้ำยาตรวจสารเสพติดเบื้องต้น ให้ผลเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) จึงทำการตรวจยึดเป็นของกลาง  และทำการขยายผลหาตัวผู้กระทำผิด

ต่อมาจากการสืบสวนพบว่าผู้ส่งพัสดุของกลางคือนายมาซองซ์ จึงได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ จนสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในหมู่บ้านจัดสรรย่าน ถ.พัฒนาการ  จากการสอบสวนนายมาซองซ์ ให้การรับว่ากล่องพัสดุและโคคาอีนของกลางเป็นของตนเอง โดยซื้อมาจากชายที่พบกันในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และการส่งพัสดุครั้งนี้เป็นการทดลองส่งไปให้เพื่อนที่อยู่ในประเทศกัมพูชาครั้งแรก แต่เพื่อนไม่ได้รับ จึงเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยได้ตรวจพบโคคาอีนในกล่องพัสดุแล้ว แต่ไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรู้ว่าตนเป็นผู้ส่ง เนื่องจากได้จัดส่งโดยใช้ชื่อของคนอื่น ถ้าหากครั้งนี้ส่งผ่านก็จะหาโคคาอีนทยอยส่งไปให้เพื่อนอีก แต่มาโดนจับเสียก่อน

คดีที่สอง กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมนายเฉิน (นามสมมติ) อายุ 52 ปี สัญชาติสุรินัม ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญา ที่ 1607/2567 ลงวันที่ 17 เม.ย.2567 ในความผิดฐาน ปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณ ถนนสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ

กก.4 บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนกลุ่มขบวนการปลอมหนังสือเดินทางและใช้หนังสือเดินทางปลอมในประเทศไทย จากการสืบสวนทราบว่ามีขบวนการทำหนังสือเดินทางปลอมและนำคนเข้าออกประเทศอย่างผิดกฎหมาย จึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้เข้าทำการตรวจค้นห้องพักในคอนโดแห่งหนึ่งย่านสาทร ผลการตรวจค้นพบนายเฉิน อายุ 52 ปี สัญชาติซูรินัม แสดงตนเป็นผู้ครอบครองห้องพัก และได้พบเอกสารราชการไทย เช่น ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เอกสารการเปิดบัญชีธนาคารหลายรายการ และสำเนาหนังสือเดินทาง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเอกสารต่าง ๆ เหล่านั้น เกิดจากการที่มีบุคคลใช้หนังสือเดินทางไต้หวัน ในชื่อราย MR.CHUN  เกิด พ.ศ.2509 (ค.ศ.1966) หมายเลขหนังสือเดินทาง 31080xxxx ซึ่งลักษณะรูปพรรณของบุคคลในสำเนาหนังสือเดินทางตรงกับนายเฉิน จึงได้ทำการตรวจยึดเอกสารดังกล่าว และได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม พร้อมกับได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนตรวจสอบพบว่านายเฉินเป็นคนสัญชาติจีน มีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าขบวนการในการปลอมหนังสือเดินทางของสาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และปลอมบัตรผู้อาศัยถาวรของประเทศต่าง ๆ และเป็นหัวหน้าขบวนการนำคนจีนเดินทางออกจากสาธารณรัฐประชาชนจีน หลบหนีเข้าไปยังประเทศต่าง ๆ อย่างผิดกฎหมาย โดยการใช้หนังสือเดินทางปลอมหรือการใช้บัตรผู้อยู่อาศัยถาวรในการแสดงตัวตนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อทำการปิดบังตัวตนแล้วหลบหนีออกมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจาก
การรวบรวมพยานหลักฐานจึงได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาทำการจับกุมนายเฉินดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

คดีสุดท้าย สตม. รวบ 3 เอเจนซี่หัวหมอ ปลอมเอกสารยื่นขอวีซ่าสถานทูต ทางบก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานทูตต่าง ๆ ประจำประเทศไทย ให้ตรวจสอบกรณีสงสัยว่า มีคนไทยที่ไปยื่นขอวีซ่าเพื่อไปท่องเที่ยวในประเทศแถบยุโรปจำนวนหลายร้อยราย จะใช้เอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่าปลอม จึงสั่งการให้ชุด ศปชก.สตม. ไปทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าเอกสารที่คนไทยนำมายื่นขอวีซ่า เช่น ใบรับรองการทำงาน รายการเดินบัญชีธนาคาร หนังสือรับรองยอดเงิน ส่วนใหญ่เป็นเอกสารปลอม

จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มบริษัทเอเจนซี่รับยื่นขอวีซ่าให้กับคนไทยที่ต้องการไปต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการให้ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาลเข้าทำการตรวจค้นกลุ่มบริษัทเอเจนซี่ จำนวน 3 จุด จุดแรกค้นคอนโดย่านปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบของกลางเอกสารรายการเดินบัญชีธนาคารและหนังสือรับรองการทำงานปลอม จำนวน 23 รายการ และทำการจับกุมนายนคร (นามสมมติ) อายุ 49 ปี สัญชาติไทย ในข้อหา “ปลอมเอกสาร” นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

จุดที่ 2 ตรวจค้นบริษัท ธัญอุดมโชคทราเวล จำกัด ( บารมีวีซ่า ) ย่านสายไหม ผลการตรวจค้นพบของกลาง จำนวน 27 รายการ ประกอบด้วย ตราประทับบริษัทต่าง ๆรายการเดินบัญชีธนาคารปลอม หนังสือรับรองการทำงานบริษัทต่าง ๆ ปลอม จากการสอบถาม นางธัญญ์นารี รับว่าเป็นผู้ทำปลอมขึ้นเอง จากนั้นก็จะพาลูกค้าไปยื่นขอวีซ่ากับสถานทูตต่าง ๆ โดยแนะนำก่อนว่าจะต้องตอบคำถามอย่างไรหากมีการสัมภาษณ์ พร้อมจับกุมนางธัญญ์นารี (นามสมมติ) อายุ 40 ปี สัญชาติไทย ในข้อหา “ปลอมเอกสาร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จุดที่ 3 ตรวจค้น หจก.วีซ่า แอนด์ทัวร์ ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองอุดรธานี จว.อุดรธานี พบของกลาง จำนวน 12 รายการ ประกอบด้วย ตราประทับบริษัทต่าง ๆ หนังสือรับรองเงินฝากธนาคารปลอม พร้อมจับกุม น.ส.นภัชชา (นามสมมติ) อายุ 48 ปี ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันปลอมเอกสาร” ต่อไ

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า จากการสอบสวนทั้ง 3 จุดที่เข้าตรวจค้นมีความเชื่อมโยงกันซึ่งจะได้รับการว่าจ้างนายหน้าในราคาฉบับละ 5,000-7,000 บาท จากนั้นจะตรวจสอบและส่งเอกสารให้ลูกค้าไปใช้ยื่นขอวีซ่ากับสถานทูต แต่ส่วนใหญ่ก็จะถูกทางสถานทูตปฏิเสธการออกวีซ่าให้ ซึ่งก็มีบางรายนำเอกสารไปขอวีซ่าผ่านในบางประเทศซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีปยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งยังไม่พบว่าใีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นๆอีก