"รมว.ยุติธรรม" เผยยังไม่ได้รับรายงาน "อัยการสูงสุด" นัด "ทักษิณ" ฟังคำสั่งคดี มาตรา112 วันที่ 29 พ.ค.นี้ ไม่รู้ได้ประกันตัวหรือไม่ บอก"ยุติธรรม"กับ"อัยการ"มีความเป็นอิสระต่อกัน ระบุเร่งแยกผู้ต้องขังคดียังไม่จบ แก้ปัญหานักโทษล้นคุก ย้ำไม่อยากเห็นนักโทษเสียชีวิตคาเรือนจำอีก

 เมื่อวันที่ 28 พ.ค.67 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง  รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีอัยการสูง (อสส.) นัดฟังคำสั่งคดีมูลฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับประกันตัวหรือไม่ หลังผู้ต้องหาคนอื่นๆ ได้รับการประกันตัวในคดีมาตรา112 เหมือนกัน ว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้ตามเรื่อง เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เป็นในส่วนของพนักงานอัยการ และเขาไม่ได้รายงานมาให้ทราบ เพราะมีความเป็นอิสระต่อกัน เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินให้คดีถึงที่สุด ให้สันนิษฐานก่อนว่าผู้นั้นบริสุทธิ์ เมื่อถามว่า นายทักษิณจะได้รับการประกันตัวใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า  เป็นกระบวนการยุติธรรม เราก็เคารพในองค์กร ขอยืนยันว่ามีความเป็นอิสระต่อกัน

 ผู้สื่อข่าวถามถึงกระบวนการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้มีผู้ต้องขังเสียชีวิตเหมือนกรณี บุ้ง  หรือ น.ส.เนติพร อีก พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในส่วนของกระบวนการยุติธรรม เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ได้มีผู้ยื่นหนังสือมา ซึ่งในบทบาทของกระทรวงยุติธรรมจะต้องมีคณะทำงานไปดูในกระบวนการว่าส่วนไหนที่การปฎิบัติยังขัดกฏหมาย เรื่องใหญ่จริงๆที่เราพยายามจะแก้ไขอยู่คือคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาที่ศาลยังไม่ตัดสินให้ถึงที่สุด กับคดีที่ตัดสินเด็ดขาดแล้ว ต้องปฏิบัติไม่เหมือนกัน โดยจะแยกการดูแลในเรือนจำ
 
ทั้งนี้ ปัจจุบันสภาพในเรือนจำมีความแออัดมาก โดยขนาดของเรือนจำสามารถดูแลคนได้ประมาณ 180,000 คน แต่ปัจจุบันมีถึง 280,000 คน และเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีกว่า 50,000 คน ซึ่งขณะนี้เหมือนเราปฏิบัติขัดรัฐธรรมนูญ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมที่กำลังดำเนินการอยู่คือ การเสนอเป็นกฎกระทรวง แก้มาตรา 89/1 อยากให้ศาลเป็นผู้ไต่สวนว่าคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา อาจจะไม่ต้องส่งมาที่เรือนจำ โดยจะให้อยู่ที่บ้านหรือใส่กำไลอีเอ็ม

 ขณะนี้พยายามที่จะแยกคนที่ได้ประกันตัว เมื่อต้องไปขึ้นศาลจะใส่สูท แต่คนที่ไม่ได้ประกันตัวจะใส่ชุดสีลูกวัว จะทำให้เกิดข้อแตกต่างและเป็นมุมมอง ดังนั้น ควรจะให้แต่งกายเหมือนกัน ที่สำคัญเมื่อแยกแล้วอยากจะให้เขาได้มีโอกาสเตรียมคดีด้วย เพราะการสู้คดีหากอยู่ข้างนอกจะได้เปรียบในการที่จะหาทนายและหลักฐานต่างๆ ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่และทยอยทำ ปีนี้อยากจะทำให้เสร็จทั้งประเทศ โดยจะเริ่มในเรือนจำก่อน
 
เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองขีดเส้นว่าจะต้องไม่มีผู้ต้องขังเสียชีวิตในเรือนจำอีก พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การเสียชีวิตในเรือนจำสถิติมีเยอะ ซึ่งเกิดจากการเจ็บป่วย และเราไม่อยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะคดีที่ยังไม่มีการตัดสิน ตามหลักการควรได้รับการประกันตัว
 
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ร่วมกับศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. ,นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. ยื่นเอกสารเร่งส่งอัยการให้ส่งฟ้อง ม.112 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมี นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับหนังสือ
    
 นายพิชิต กล่าวว่า จากการที่อัยการสูงสุดได้เลื่อนการมีคำสั่งทางคดีนายทักษิณผู้ต้องหาตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 112 จากวันที่ 3 เม.ย.67 มาเป็นวันที่ 29 พ.ค.นี้ ซึ่งระบุว่าพนักงานสอบสวนส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติม ตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งยังไม่ครบถ้วนนั้น การใช้สิทธิ์ในการขอความเป็นธรรมและการใช้สิทธิ์โนการชี้แจงข้อกล่าวหานั้น เป็นสิทธิ์ทางกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ แต่ที่ผ่านมาพวกเราเห็นว่าการใช้สิทธิ์ทางกฎหมายของนายทักษิณเป็นเพียงข้ออ้างในการถ่วงเวลาเพื่อขยายเวลาคดีออกไปให้ได้นานที่สุดเท่านั้น ทั้งที่นายทักษิณสามารถที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาตามกฎหมายได้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว การดำเนินการทางคดีเพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกับบุคคลอื่นที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 
    
 ทั้งนี้ เป็นความผิดที่กระทบต่อความรู้สึกของประชนชาวไทย จึงมีความจำเป็นที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ควรทำให้เกิดข้อครหาว่าอัยการสูงสุดได้ช่วยเหลือหรือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ต้องหาเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้ทางอัยการสูงสุดเคยมีมติสั่งฟ้องไปแล้ว การขยายเวลาให้สอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก็ได้คำเนินการมาแล้ว ข้อเท็จจริงทางคดีจึงน่าจะได้ข้อสรุปในการมีคำสั่งทางคดีได้ทันทีที่ผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุดได้ออกมาชี้แจงการดำเนินการตามกฎหมายต่อกรณีนายทักษิณว่าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยคำนึงถึงสิทธิ์ของผู้ต้องหาตามกฎหมายนั้น
    
 โดย กลุ่มคปท.รวมถึงศปปส.และกองทัพธรรม เห็นว่าการที่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมเพื่อต่อสู้คคีนั้น ขอเรียนต่ออัยการสูงสุดประกอบการพิจารณาว่ากรณีนายทักษิณได้กระทำความผิดและมีการร้องทุกข์กล่าวโทษโดยกองทัพบก เพื่อให้พนักงานอัยการเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย การแจ้งข้อกล่าวหานั้นพนักงานอัยการได้รับเรื่องและมีการดำเนินการเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมโดยชอบ แต่ผู้ต้องหากลับหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเอง การร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหานั้น เป็นการยื่นร้องขอความเป็นธรรมที่มาจากผู้ต้องหาหลบหนีและไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมไทยตั้งแต่ต้น 
    
 ส่วนการยื่นร้องขอความเป็นธรรมในวันแจ้งข้อกล่าวหาต่อหน้าอัยการนั้น เป็นเพราะว่าผู้ต้องหาไม่สามารถหลบหนีได้อีกเนื่องจากตกเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาด ดังนั้นการยื่นร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวจำเป็นที่พนักงานอัยการต้องพิจารณาพฤติการณ์ผู้ต้องหาที่มีการหลบหนีมาประกอบความเห็นในการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมด้วย และการหาข้อเท็จจริงทางคดีและการรวบรวมพยานหลักฐานนำจะเสร็จสิ้นและหาข้อยุติได้แล้วเนื่องจากว่า นายทักษิณ ได้ยื่นขอความเป็นธรรมและทางอัยการสูงสุดได้ให้โอกาสในการชี้แจงข้อกล่าวหาไปแล้วนั้น เมื่อพิจารณาจากข้อกล่าวหาและระยะเวลาที่ผ่านมา เห็นได้ว่าข้อเท็จจริงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างอื่น เพื่อให้เกิดการพิจารณามีคำสั่งของอัยการสูงสุดที่เป็นมาตรฐานเดียวกับบุคคลอื่นโดยกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เราเห็นว่าอัยการสูงสุดต้องรีบมีคำสั่งทางคดีตามหลักฐานที่กองทัพบกได้เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายทักษิณโดยเร็วที่สุด
 
ด้าน นายนาเคนทร์ ได้กล่าวว่า วันนี้ได้รับเรื่องที่ทางกลุ่มคปท.รวมถึงศปปส. และกองทัพธรรมยื่นมาแล้ว ตนจะรีบนำเสนอให้กับท่านอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาต่อไป