"ศาลฯ" พิพากษาจำคุก "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม" คดีขวางการเลือกตั้ง 8 เดือน แต่แก้โทษเป็นรอลงอาญา 2 ปี ส่วน 3 กปปส.รอด ศาลยกฟ้อง ขณะที่ "สกลธี" เผยพอใจผลคำพิพากษาที่ต่อสู้มายาวนานครบ 10 ปีพอดี

 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 28 พ.ค.67 เวลา 09.00 น. นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือกปปส. กับพวก พร้อมทนาย ได้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีกบฏ กปปส. ล้มการเลือกตั้ง หมายเลขดำ อ.1911/57 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือกปปส., นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง และนายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับในความผิดฐาน "ร่วมกันเป็นกบฏ มั่วสุมตั้งแต่10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ กรณีจำเลยกับพวกได้ก่อความไม่สงบระหว่างวันที่ 23 พ.ย.56 ถึง 1 พ.ค.57 ที่ห้องพิจารณา 609

 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีกบฏ กปปส.สำนวนแรก หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557 , อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 62 ปี แกนนำ กปปส. และผู้บริหารท็อปนิวส์, นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 47 ปี อดีต สส.กทม.ร่วมชุมนุม, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 73 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง (สปช.) และ นายเสรี วงษ์มณฑา อายุ 75 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด

 เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. และการได้มา ซึ่ง สว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76,152 รวม 8 ข้อหา
 
โดยคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้อง ตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของกปปส.ที่มีนายสุเทพ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.56-1 พ.ค.57 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี ขณะที่จำเลยทั้ง 4 รายให้การปฏิเสธทุกข้อหาพร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้งสี่ก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562
 
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 59 ปี ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ สว. กรณีร่วมกับนายสำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต ให้จำคุก 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณารถโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา รวมถึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี ส่วนจำเลยที 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ไม่ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่แก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยวันนี้จำเลยทั้ง 4 เดินทางมาศาลโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
 
ซึ่งวันนี้มีประเด็นเฉพาะฎีกาจำเลยที่ 1 นายสนธิญาณโดยศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก นายสนธิญาณ 8 เดือนแต่พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมาก ไม่เคยรับโทษมาก่อนประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชน เห็นควรให้ประกอบอาชีพไปรับใช้สังคม การลงโทษจำคุกระยะสั้นไม่เกิดประโยชน์ แต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นควรรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2 หมื่น ส่วนจำเลยที่เหลือให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

 มีรายงานว่า ศาลพิพากษาจำคุก 8 เดือน นายสนธิญาณ (จำเลยที่ 1) ให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 20,000 บาท ส่วนจำเลยอีก 3 คน ศาลยกฟ้อง
 
ด้าน นายสกลธี กล่าวว่า วันนี้ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีกบฏอั้งยี่ซ่องโจร ขัดขวางการเลือกตั้ง และบุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งคำพิพากษาของตนเอง นายสมบัติ และนายเสรี ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ตั้งแต่ชั้นต้น และอุทธรณ์ ส่วน นายสนธิญาณ ศาลสั่งจำคุก 8 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 20,000 บาท

 วันนี้ พอใจผลการพิพากษา เพราะเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน ครบ 10 ปี พอดี พวกตนเองต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายอย่างเต็มที่ และมั่นใจในสิ่งที่ทีมทนาย และพวกตนเองให้การต่อศาลทั้งหมด ยอมรับดีใจที่คดีถึงที่สุด
 
ทั้งนี้ ศาลได้มีการระบุว่า แม้การที่เราออกมาชุมนุม จะมีคำสั่งของศาลธรรมนูญอนุญาตให้ชุมนุมได้โดยชอบนั้น แต่ไม่ได้แปลว่าจะสามารถทำผิดกฎหมาย หรือละเมิดกฎหมายได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ นายสนธิญาณ ถูกตัดสินจำคุกดังกล่าว โดยศาลขมวดในตอนท้ายว่า "เป็นการกระทำไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อส่วนรวม" จึงเป็นเหตุให้บรรเทาโทษดังกล่าว