จากกรณี เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 พ.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากเกร็ดได้รับแจ้งเหตุ ชายคุ้มคลั่งยาวางเพลิงไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ม.5 ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วยเรือดับเพลิงจากเทศบาลปากเกร็ด 2 ลำ ฉีดน้ำระงับเพลิงที่กำลังรุกไหม้ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากเกร็ดกว่า 10 นาย ตรวจสอบ

คืบหน้าล่าสุด วันที่ 28 พ.ค. 67 เวลา 17.00 น. ที่ สภ.ปากเกร็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.ท.แสวง สนูหมื่น สว.สอบสวนสภ.ปากเกร็ด ได้เบิกตัว นายเอกพล อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุ ที่มีสภาพอิดโรยเพราะส่างยาเสพติด มาสอบสวนปากคำครั้งแรกต่อหน้าทนายความ พิพัฒน์ ทองผดุงโรจน์ ในคดีวางเพลิง 

ซึ่ง นายเอกพล อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนทะเลาะกันเถียงกัน ตนโมโหจึงตีกระจกที่บ้านไป และตนได้เงินจากอานำมา 200 บาท และตนจึงนำเงินไปซื้อยามาเสพ 100 บาท ได้ 2 เม็ด ตนก็เสพยาไป พอสักพักก็มีตำรวจมาพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของตน ซึ่งไฟแช็กที่ตนนำไปจุดไฟก็เป็นไฟแช็กที่ตนซื้อมาอยู่ที่ตัวอยู่แล้ว ซึ่งบ้านที่ตนเผาเป็นบ้านของ อานำ เป็นอาของตน ซึ่งตนก็รู้สึกผิดที่ทำไป ขอโทษอา ที่ทำผิดไปอย่างงั้น ซึ่งในหนึ่งวันตนจะเสพยาไม่เกิน 5 เม็ด และตนก็ซื้อยาเสพติดในเกาะเกร็ด ซึ่งตนซื้อมา เม็ดละ 50 บาท 

โดย พ.ต.ท.แสวง สนูหมื่น สว.สอบสวนสภ.ปากเกร็ด ได้นำตัวเอกพล ผู้ก่อเหตุคดีวางเพลิง ต้องมาสอบปากคำสอบปากต่อหน้าทนายความทุกครั้ง เพราะเป็นคดีมีโทษระวางสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต หรือ ประหารชีวิต จึงคัดค้านการให้ประกันตัว เพราะเป็นโทษสถานหนัก