วันที่ 28 พ.ค.67 ที่ศูนย์ประสานงาน นายนริสสร แสงแก้ว สก.เขตบางเขน ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 42 ปี เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" ขอให้ฟ้องคดีชู้หลังสามีไปคบกับหญิงอื่นและมีลูกด้วยกันเมื่อถูกจับได้ก็ไม่ยอมเลิกรา

โดย น.ส.บี กล่าวว่า ตนกับสามีอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยามา 12 ปี และได้จดทะเบียนสมรสไปเมื่อปี 2564 ที่จังหวัดสระบุรี โดยตนเดินทางมาทำงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนสามีมีอาชีพขับรถสิบล้อ โดยก่อนเกิดเรื่องหลังจากแต่งงานได้ 6 ปี มีผู้หญิงโทรศัพท์มาบอกตนว่า เธอเป็นภรรยาอีกคน ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยและมีลูกด้วยกัน 1 คน โดยสามีไม่เคยทำอะไรให้ผิดสังเกตและเราก็ให้ความเชื่อมั่นมาตลอด หลังจากตอนรู้ความจริงก็นำไปถามสามีได้รับคำตอบว่า จะเป็นฝ่ายไปเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ตนจึงให้โอกาส 

น.ส.บี กล่าวว่า ต่อมาตนมาตรวจสอบ เฟซบุ๊ก ของผู้หญิงคนดังกล่าวพบว่า มีการโพสต์ภาพชื่อนามสกุลของสามีว่าเป็นสามีของเขา เข้ามาอยู่ในบ้านของเราในขณะที่ตนไปทำงานเข้าเวรดึก โดยผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำงาน สามีเป็นผู้เช่าบ้านให้อยู่ เมื่อตนทราบดังนั้นจึงขอเลิกกับสามีหลังจากคลอดลูกคนที่ 2 ได้ 4 เดือน แต่สามีก็ตามมาง้อ และรับปากว่าจะไปเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ตนจึงยื่นคำขาดขอให้จดทะเบียนสมรส กระทั่งสามียอมจดทะเบียนสมรสเมื่อปี 2564 

น.ส.บี กล่าวว่า หลังจดทะเบียนสมรส ตนได้ออกจากงานมาอยู่บ้านดูแลครอบครัว แต่สุดท้ายสามีก็กลับไปคบกับผู้หญิงคนนั้นอีก  เมื่อตนได้ติด GPS ทำให้ทราบการเคลื่อนไหวของสามีว่า  ตามไปหาผู้หญิงคนนั้นที่บ้านเช่า จึงถ่ายคลิปวิดีโอระหว่างที่ทั้ง 2 คนอยู่ภายในบ้านเช่าไว้เป็นหลักฐาน โดยตนได้เรียกให้สามีและผู้หญิงคนนั้นออกมาพูดคุยกัน แต่ปรากฏว่าเป็นสามีที่ออกจากห้องมากระชากแขนตนพากลับบ้าน โดยฝ่ายผู้หญิงคนนั้นได้ตะโกนมาว่า "ทำไมเธอไม่หย่า" 

น.ส.บี กล่าวว่า ทั้งนี้ตนทราบว่าสามีกับผู้หญิงคนนั้น มีลูกด้วยกันตั้งแต่ก่อนที่ตนจะจดทะเบียนสมรส ส่วนตนมีลูกติดจากสามีเก่า 1 คน และมีลูกคนที่ 2 กับสามีคนนี้ ต้องอยู่ในสภาพคบ ๆ เลิก ๆ กับสามีมาหลายครั้ง และสามีก็รับปากที่จะไปเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ กลับไปคบกันอีก ตนคิดว่า ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ชีวิตของเราก็จะย่ำอยู่แบบนี้ตลอดไป จึงมาขอความช่วยเหลือจากคุณ "กัน จอมพลัง" ให้ช่วยฟ้องดำเนินคดี ในเรื่องการคบชู้และให้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ตนรู้สึกเจ็บปวดที่ได้ยินคำพูดของสามีที่ว่า "ผู้หญิงคนนั้นเขาก็มีชีวิตจิตใจ มีพ่อแม่เหมือนกัน จึงอยากให้แบ่งเวลาให้เขาได้ดูแลทั้ง 2 ครอบครัว" ตนได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดใจที่ว่า แล้วตนไม่มีพ่อแม่หรืออย่างไร 

ด้าน กัน จอมพลัง กล่าวว่า ตนรับจะช่วยเหลือในเรื่องของกระบวนการขั้นตอนการฟ้องชู้ ส่วนสุดท้ายทั้งสองจะหย่าขาดจากการหรือไม่ เป็นเรื่องของการตัดสินใจของทั้งคู่ต่อไป 

ด้าน น.ส.อังศวีร์ อนุวัตน์รุจิกร หรือ ทนายโรส ที่เข้ามาดูแลด้านคดีให้ผู้เสียหาย กล่าวว่า กรณีนี้ฝ่ายผู้เสียหายกับสามีคบหากันมาก่อน และตัวผู้เสียหายไม่เคยยินยอม จึงบอกสามีให้ไปเลิกกับผู้หญิงอีกคน โดยให้ฝ่ายชายมาจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหาย นั่นแสดงว่าฝ่ายสามีจะใช้ชีวิตสมรสกับผู้เสียหายตามกฎหมาย ฉะนั้นกฎหมายจึงคุ้มครองสิทธิ์ของเมียหลวง ในกรณีนี้ถือว่ามีการรับทราบแต่เขาไม่ได้ยินยอม โดยในการยื่นฟ้องคดีคบชู้ จะมีการเรียกร้องค่าเสียหาย โดยฝ่ายสามีนั้นทางผู้เสียหายพร้อมจะให้โอกาส โดยตนคงให้ฝ่ายผู้เสียหายเป็นคนตัดสินใจว่า จะอยู่ด้วยกันต่อไปหรือไม่