วันที่ 28 พ.ค.67 ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครจัดแถลงข่าวในวาระการทำงานครบ 2 ปี ของผู้บริหาร กทม. นำแถลงโดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทั้ง 4 คน
นายชัชชาติ กล่าวว่า สิ่งสำคัญของการพัฒนาเมืองสำหรับตนคือการสร้างความไว้ใจระหว่างข้าราชการกับประชาชน ผ่านระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ ประชาชนสามารถแจ้งปัญหาและติดตามการแก้ไขได้ตลอดเวลา เมื่อประชาชนเห็นว่าปัญหาได้รับการแก้ไข ก็จะกล้าแจ้งปัญหามากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถประเมินการทำงานและผลตอบแทนต่าง ๆ ได้เช่นกัน ปัจจุบันมีผู้แจ้งปัญหาแล้วกว่า 5 แสนเรื่อง รอการแก้ไขกว่า 25,000 เรื่อง ส่วนเมืองที่ดีสำหรับตนคือ มีทางเดินที่สามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างทั่วถึง มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา กทม.ปรับปรุงทางเท้าไปแล้ว 785 กม. เปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED 85,000 ดวง จัดระเบียบหาบเร่แผงลอย 257 จุด จัดสายสื่อสาร 627 กม. และการเตรียมรับมือน้ำท่วม โดยการล้างท่อ 4,200 กม.ล้างคลอง 1,960 กม. ขุดลอกคลอง 217 กม.
ส่วนด้านการเพิ่มพื้นที่ชีวิตให้กับประชาชน กทม.ได้เพิ่ทสวนสาธารณะ 15 นาทีอย่างต่อเนื่องมีเป้าหมายครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ กว่า 500 แห่ง จุดประสงค์ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงสวนสาธารณะใกล้บ้านในระยะ 800 เมตร รวมถึงการเชื่อมสวนหลวง ร.9 กับบึงหนองบอนให้กลายเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ
ด้านสาธารณสุข กทม.ตั้งเป้าตรวจสุขภาพประชาชนฟรี 1 ล้านคน ภายในเดือน ก.ย.นี้ รวมถึง การกำหนดให้ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.บริการประชาชนถึง 2 ทุ่ม มีประชาชนใช้บริการเพิ่มกว่า 70,000 คน ส่วนเรื่องการทุจริต เชื่อว่าจะดีขึ้น เนื่องจาก กทม.ได้พัฒนาระบบขออนุญาตก่อสร้างออนไลน์ เพื่อลดการพบกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน รวมถึงการเปิดรับเรื่องร้องเรียนทุจริตผ่านทราฟฟี่ ฟองดูว์ และช่องทางต่าง ๆ ปัจจุบัน มีเรื่องร้องเรียน 781 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการของ กทม. 449 เคส พิจารณาแล้วไม่ใช่กรณีทุจริต 271 เคส มีมูลทุจริต 56 เคส ให้ออกจากราชการ 29 เคส กำลังพิจารณา 12 เคส รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ กว่า 1,000 ชุด เช่น งบประมาณ สัญญาจ้าง ภาษี การประกวดราคาต่าง ๆ สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ กทม.ยังกระจายอำนาจสู่ประชาชน โดยการสนับสนุนงบประมาณชุมชนละ 2 แสนบาท
ส่วนความท้าทายในการแก้ปัญหาที่ผ่านมาคือ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบราชการ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การใช้ระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ ช่วยประเมินการทำงานของเขตต่าง ๆ ซึ่งประชาชนเป็นผู้ร้องเรียน รยมถึง การจัดการหนี้บีทีเอสกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท
“ถึงแม้เราจะหมดวาระในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่เชื่อว่าสิ่งที่เราเริ่มไว้จะไม่หายไปไหน โดยเฉพาะเรื่องการใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบราชการ เพื่อให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีอำนาจมากขึ้น และการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม ส่งผลต่อระบบโครงสร้างที่เปลี่ยนไป สิ่งเหล่านี้เมื่อประชาชนคุ้นชินแล้ว เชื่อว่าจะไม่ย้อนกลับไปเหมือนเดิมอีก“ นายชัชชาติ กล่าว