“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”...*...

 ไม่รู้ไม่รู้ วลีฮิตติดปากของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เชื่อกันว่า อยู่เบื้องหลังกดรีโมต 40 สว.แผลงฤทธิ์เขย่าเก้าอี้ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน และสะเทือนบัลลังก์เมฆของ “ลุงโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร ...*...

“สังคมการเมืองเขารู้ว่าใครเป็นคนของใคร อย่างไร เป็นเรื่องธรรมดา มีเช่นนี้มาช้านานแล้ว คงไม่ถึงขั้นล้มนายกฯเศรษฐาได้” “ลุงโทนี่” กลืนเลือดตอบด้วยความมั่นใจ ...*...

 แม้สถานการณ์ไม่ต่างอะไร กับ “ทักษิณ” ถูกปืนจ่อคอหอย ปฏิวัติยึดอำนาจอีกครั้ง แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่สั่งให้ “นายกฯนิด” หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเปิดพื้นที่ “เจรจาต่อรอง” ว่า จะใช้ “ยาถอนพิษ” ให้กับใคร จะให้ “เศรษฐา”  รอดดาบศาลรัฐธรรมนูญ หรือ “ทักษิณ” รอดคดีมาตรา 112 ...*...

 ในจังหวะที่ทนายความไปยื่นกองปราบ อ้างว่ามีการปลอมรายชื่อ 40 สว. ก็เป็นแทกติกทางกฎหมาย เพราะไปจี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดรายชื่อไม่ได้ ก็เลยต้องมาแก้เกี้ยวเอาอีกทาง ซึ่งก็ได้ผล เพราะมีรายชื่อ 40 สว.หลุดผ่านสื่อ ...*...

 ได้รายชื่อมาแล้วก็มาวิเคราะห์กันได้ ว่าใครเป็นใคร แม้จะมีรายชื่อ สว.ทั้งสองสาย  แต่จะบอกว่างานนี้ มันไม่ปกติ “ตัวตึง” พร้อมใจกันไม่ลงชื่อ เหมือนกับตั้งใจว่าไม่ให้ “สืบสาแหรก”ได้  แต่เอาเถอะ เพราะยังไงๆ คนที่วาง “ยาพิษ” ให้ “เศรษฐา” คนแรกก็ไม่ใช่ใคร นอกจาก “ลุงโทนี่” ที่ดันทุรังตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีนั่นแหละ ...*...

นั่นก็เลยได้ยินข่าวแว่วเข้าหูมาตั้งแต่นายกฯนิด ยังอยู่ต่างประเทศ ว่าอาจมีรายการ “เช็กบิล” บ้านป่ารอยต่อ ในการปรับ ครม. ที่ต้องหลุดจากเก้าอี้  และถอดสลักดึงพรรคประชาธิปัตย์ซีกของ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เข้ามาเสียบแทน ...*...

 เพราะที่ผ่านมาบ้านป่ารอยต่อ ไม่เคยหยุดเดินเกม เปลี่ยนนายกฯ เห็นได้จาก 30 สส.อีสาน ของเพื่อไทยเอง ที่เข้าไปหาลุงที่สนามกอล์ฟ และเชื่อกันว่า กระดานการเมือง ห้วงเวลาจะพอเหมาะพอดี กับยุบพรรคก้าวไกล ที่บ้านป่าเชื่อว่าจะมีงูเห่าไหลออกมาเข้ารังมากพอ ...*...

แต่เอาจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ บ้านป่ารอยต่อ ประลองกำลังกับ “ลุงโทนี่” ตั้งแต่โหวตเลือกนายกฯ แล้ว ตามมาด้วยกระแสโหวตคว่ำงบประมาณ ปี 67 แต่ไม่เป็นผล ...*...

ส่วนไอ้เรื่องที่จะยุบสภาฯ ให้เลือกตั้งใหม่นั้น คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะถ้ายุบสภาฯ ก็ได้ “ก้าวไกล” กลับมา ไม่ว่าจะอยู่ในชื่อพรรคอะไร ล่าสุด โพลพระปกเกล้าออกมาในหัวข้อ “ความนิยมในพรรคการเมืองและนายกรัฐมนตรี : 1 ปีหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาฯ 2566” พบว่า พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้นมี 2 พรรคคือ พรรคก้าวไกล และ พรรคประชาชาติ โดยพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 9.67 ซึ่งอาจส่งผลให้พรรคมีโอกาสชนะการเลือกตั้งและได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นถึง 49 ที่นั่ง ...*.. .

และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังรั้งอันดับ 1 คนที่อยากให้เป็นายกรัฐมนตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.9 ขืนเลือกตั้งตอนนี้ ดีลที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า …*…

ที่มา:ศรพระราม (28/5/67)