วันที่ 28 พ.ค.67 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พากลุ่มเจ้าของรถหรู กว่า 10 คัน มารวมตัวกันที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอช่วยเหลือ เรื่องคดีรถหรู หลังผู้ครอบครองรถหรูโดยถูกต้องตามกฎหมายแต่กลับเป็นเหยื่อผู้เสียหาย และจะถูกอายัดรถ

นายกมล ศิลาทอง 55 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ตนเองซื้อรถคันดังกล่าวว่ามาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย มีการโอนที่กรมการขนส่งทางบก ต่อภาษีถูกต้อง แต่วันนึงรถที่ซื้อมากกว่า 10 ปี กลับถูกอายัดและยึดของกลางในคดี และยังมีผู้ครอบครองรถหรูอีกหลายคนที่โดนแบบนี้ / โดยนายกมล บอกว่าผู้เสียหายที่ครอบครองรถหรู แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ซื้อต่อมาจากบุคคลหรือเต้นท์รถโดยไม่รู้ประวัติของรถ  กลุ่มที่ 2 ซื้อมาจากรถที่ถูกปลดอายัติแล้วซึ่งจะรู้ประวัติของรถ โดยมูลค่าความเสียหาย ต่อคัน ประมาณคันละ 30 ล้าน ซึ่งเสียหายกว่า 500 คัน 

นายกมล ได้ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมหน่วยงานรัฐ ถึงต้องการที่จะเอาผิดให้ได้ เพราะต้องการส่วนต่างจากรางวัลนำจับหรือไม่ เพราะตามข้อกฎหมาย มีเขียนไว้ว่าจะให้รางวัลนำจับจากเบี้ยปรับ 15% และหากมีการยึดและขายทอดตลาดจะได้เพิ่มอีก 35% รวมแล้วจะได้ส่วนต่างถึง 50% ซึ่งอาจะล่อตาทำให้ต้องมาบี้เอาผิดกับผู้ที่ซื้อรถมาอย่างถูกต้อง / อีกทั้งยังตั้งคำถามต่ออีกว่า รถหรูดังกล่าวที่มีการนำเข้ามา จะต้องผ่านศุลกากร ตนก็ตั้งคำถามต่อว่า จากที่ตนไปตรวจสอบก็ทราบว่าหรูรถพวกนี้ผ่านการจ่ายภาษีโชว์รูมมาหมดแล้ว แต่จ่ายไม่ครบ ทำให้ต้องมาตามเก็บที่ตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มาตรวจ รถผ่านมาเป็นกว่า 10 ปี แต่กลับทำไมถึงเพิ่งจะมาตรวจสอบ 

นายกมล ยังบอกอีกว่า เมื่อครั้งที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษอายัตรถหรูไปก่อนหน้านี้ ตนเองและผู้เสียหายคนอื่นก็ได้เข้าไปคุยกับทีมที่ทำงาน ก็ได้รับกาายืนยันกลับมาว่า ที่เรียกมานั้นเพราะเป็นพยานเพื่อเอาผิดกับโชว์รูมรถ ตนก็ชี้แจงไปทั้งหมด แต่พอผ่านมา รถหรูบางคันกลับถูกริบรถไป ทั้งที่ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร / ทำให้พวกตนที่ครอบครองรถกังวลใจจึงร้องไปยังสายไหมต้องรอดและมาร้องยังทำเนียบรัฐบาล หวังให้นายกรัฐมนตรีช่วยสั่งให้มีการตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง คือกรมศุลกากรสมัยนั้น ว่าทำไมถึงปล่อยรถออกมาได้ มีนอกมีในอะไรหรือไม่

ขณะที่หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม ก็ยืนยันว่า กลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด ซื้อรถมาอย่างถูกต้องทั้งหมด ไม่ใช่รถจดประกอบที่เลี่ยงการจ่ายภาษี แต่รถทุกคันนำเข้ามาแบบถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด และที่ผ่านมาก็จ่ายภาษี ต่อทะเบียนได้ตามปกติ แต่เมื่อรถเกิน 10 ปีกลับบอกว่า รถไม่ได้จ่ายภาษี 

ด้าน นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  ที่เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี มารับมอบหนังสือ ก็บอกว่า ตนเองพอทราบเรื่องบ้างแล้ว แต่รถบางคันก็อยู่ในกระบวนการศาลซึ่งตนก็ไปก่าวก่ายไม่ได้ และทางสำนักปลัดสำนักนายกได้ทำหนังสือส่งไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษและกรมศุลกากรให้ชี้แจงกลับมา /และส่วนที่มาวันนี้จะต้องไปคัดแยกผู้เสียหาย ระบุว่าใครที่ได้รถมาสุจริตจะต้องได้รับความเป็นธรรม ซึ่งตนเองก็เอะใจเช่นกันว่า ทำไมกรมศุลกากรถึงปล่อยรถออกมาและมาการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง จากการตรวจสอบเบื้องต้น ก็พบว่าเจ้าหน้าศุลกากรก็ถูกคดีไปแล้วเช่นกัน ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย