วันที่ 28 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นาย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. กับพวก พร้อมทนาย ได้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีกบฏ กปปส. ล้มการเลือกตั้ง หมายเลขดำ อ.1911/57 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส., นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง และ นายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับในความผิดฐาน "ร่วมกันเป็นกบฏ  มั่วสุมตั้งแต่10 คนขึ้นไป  ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ กรณีจำเลยกับพวกได้ก่อความไม่สงบระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 ถึง 1 พ.ค. 2557 ที่ห้องพิจารณา 609

ศาลฎีกาจำคุก สนธิญาณ ขวางเลือกตั้ง 8 เดือน เเต่เเก้โทษเป็นรอลงอาญา 2 ปีส่วน 3 กปปส. รอด

นอกจากนนี้ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีกบฎ กปปส.สำนวนแรก หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557 , อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 62ปี แกนนำ กปปส. และผู้บริหารท็อปนิวส์ , นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 47 ปี อดีต ส.ส.กทม.ร่วมชุมนุม , นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 73ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง (สปช.) และ นายเสรี วงศ์มณฑา อายุ 75 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด

เป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ , กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ , อั้งยี่ , ซ่องโจร , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ , เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล , ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง , ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มา ซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76 ,152 รวม 8 ข้อหา

โดยคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้อง ตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มีนายสุเทพ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 56 – 1 พ.ค.57 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี ขณะที่จำเลยทั้ง 4 รายให้การปฏิเสธทุกข้อหาพร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้งสี่ก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 ก.ค.62

ศาลอุทธรณ์พิพากษาเเก้เป็นว่า นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 59 ปี ได้กระทำความผิดตาม พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เเละ สว. กรณีร่วมกับนายสำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต ให้จำคุก 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณารถโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา รวมถึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี ส่วนจำเลยที 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ไม่ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่เเก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โดยวันนี้จำเลยทั้ง 4 เดินทางมาศาลโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

โดยวันนี้มีประเด็นเฉพาะฎีกาจำเลยที่ 1 นายสนธิญาณโดยศาลฎีกาพิพากษาเเก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก นายสนธิญาณ 8 เดือนเเต่พิจารณาเเล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมาก ไม่เคยรับโทษมาก่อนประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชน เห็นควรให้ประกอบอาชีพไปรับใช้สังคม การลงโทษจำคุกระยะสั้นไม่เกิดประโยชน์ เเต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นควรรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2 หมื่น

ส่วนจำเลยที่เหลือให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

มีรายงานว่า ศาลพิพากษา จำคุก 8 เดือน นายสนธิญาณ (จำเลยที่ 1) ให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 20,000 บาท ส่วนจำเลยอีก 3 คน ศาลยกฟ้อง

ด้าน นายสกลธี กล่าวว่า วันนี้ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีกบฏอั้งยี่ซ่องโจร ขัดขวางการเลือกตั้ง และบุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งคำพิพากษาของตนเอง นายสมบัติ และนายเสรี ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ตั้งแต่ชั้นต้น และอุทธรณ์ ส่วน นายสนธิญาณ ศาลสั่งจำคุก 8 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 20,000 บาท 

นายสกลธี เผยว่า วันนี้ พอใจผลการพิพากษา เพราะเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน ครบ 10 ปี พอดี พวกตนเองต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายอย่างเต็มที่ และมั่นใจในสิ่งที่ทีมทนาย และพวกตนเองให้การต่อศาลทั้งหมด ยอมรับดีใจที่คดีถึงที่สุด

ทั้งนี้ ศาลได้มีการระบุว่า แม้การที่เราออกมาชุมนุม จะมีคำสั่งของศาลธรรมนูญอนุญาตให้ชุมนุมได้โดยชอบนั้น แต่ไม่ได้แปลว่าจะสามารถทำผิดกฎหมาย หรือละเมิดกฎหมายได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ นายสนธิญาณ ถูกตัดสินจำคุกดังกล่าว โดยศาลขมวดในตอนท้ายว่า “เป็นการกระทำไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อส่วนรวม” จึงเป็นเหตุให้บรรเทาโทษดังกล่าว