วันที่ 28 พ.ค.67 ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว.059 ระบุว่า...

เล่าสู่กันฟัง..!!

“ความจริงก็คือความจริง”

ช่วงนี้มีนักวิเคราะห์การบ้านการเมืองหลายคน ออกมาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ กรณี 40 สว.กันหลากหลาย บางคนอาจมโนเอาเอง บางคนอาจรับฟังข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมา จึงทำให้ความเห็นที่ออกมาผิดบ้างถูกบ้าง ก่อให้เกิดความสับสน เข้าใจผิดกันไปต่างๆนาๆ ผมจึงขอถือโอกาสนี้นำเรื่องจริงที่ไม่อิงนิยาย มาเล่าสู่กันฟัง..! เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันครับ

ส่วนตัวผมเองในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ลงชื่อและได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนสว.ที่ลงชื่อ บางท่านอาทิเช่น ท่านตุ่น ท่านเจี๊ยบ เป็นต้น มีความเห็นตรงกันคือ การลงชื่อครั้งนี้ไม่ได้ลงชื่อเพราะอยากดังหรือเหตุผลอื่นใด แต่จำเป็นต้องทำเพื่อประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริงเพราะเป็นหน้าที่โดยตรงของคนไทยทุกคนที่มีโอกาส และยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ดีให้คนรุ่นหลังนำไปแนวทางในการปฏิบัติต่อไป

ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ก็คือ ก่อนจะมีการลงชื่อไม่นานมีเพื่อนสว. มาหารือกับผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเห็นว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมันมีมูลความผิดจริง ซึ่งตามปกติเท่าที่ผ่านมาเมื่อฝ่ายรัฐบาลบริหารงานผิดพลาด กระทำการทุจริตผิดกฎหมาย หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ควรเป็นหน้าที่ของ สส.โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารตามรัฐธรรมนูญ โดยมีอำนาจ ดังนี้

1. ยื่นเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัยตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ม.170 วรรคสามประกอบ ม.82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของทั้งสองท่านสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ ม.170 วรรคแรก (4) ประกอบ ม.160 (4) (5) หรือไม่

2.เข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ ม.151

3.อื่นๆ เช่น ส่ง ปปช.

เรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของ สส.โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่มีอำนาจโดยตรงตามกฎหมาย ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ ม.170 แต่ก็ยังไม่เห็นทำอะไร หรือมีข่าวว่าคิดที่จะทำอะไรข้างต้นกันเลย มีแต่เพียงคนภายนอกซึ่งไม่มีอำนาจโดยตรงไปยื่นเรื่องนี้ผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ต่อมาเมื่อ 14 พ.ค.67 เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจแผ่นดิน ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลการวินิจฉัยเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินตาม ม.37(3) แต่เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระอื่น( กกต.) ตาม ม.37(4) แห่งพรป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2560 ซึ่งกำหนดห้ามมิให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรับไว้พิจารณา จึงโยนเรื่องนี้ให้กกต.เป็นผู้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ ม.170 วรรคท้าย ซึ่งความตอนหนึ่งว่า

” … เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ให้ กกต.มีอำนาจส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ด้วย “

ทั้งนี้นับแต่ 27 เม.ย.67 เป็นต้นมา กกต.ก็ยังเงียบกริ๊บๆๆๆๆอยู่ ในส่วนสส.ก็ยังเงียบกริ๊บๆเช่นกัน ยังไม่มีข่าวคราวว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรเลย (ไม่แน่ใจ) เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ สว.ชุดนี้แม้อายุวุฒิสภาสิ้นสุดลง แต่รัฐธรรมนูญ ม.109 วรรคท้ายกำหนดให้สว.อยู่ในตำแหน่งเพื่อทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี สว.ขึ้นใหม่ ไม่ใช่ สว.รักษาการ ภาระหน้าที่จึงตกแก่สว.ชุดนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมจึงเห็นว่า

1.ไม่ควรปล่อยให้ใครก็ตาม(ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลนี้ )คิดจะทำอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม ขาดทั้งหลักนิติรัฐ และนิติธรรม ประเทศชาติก็จะเกิดความเสียหาย

2.ประกอบกับที่ผ่านมา สว.มีหน้าพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น กกต. ปปช. อสส. ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น ซึ่งหลายครั้งมีประเด็นปัญหาที่ต้องใช้เวลาพิจารณากันค่อนข้างมากกรณีผู้ถูกเสนอชื่อไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เนื่องจากยังไม่มีบรรทัดฐานในการตีความไว้ ทั้งนี้มีหลายคนที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ามานั้น มีประวัติค่อนข้างจะโชกโชนทั้งเรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบและอื่นๆ มีทั้งถูกร้องเรียน ถูกฟ้องร้องทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา และวินัย มากมาย แม้บางคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล บางคดีศาลยกฟ้องจำเลยด้วยเหตุสงสัย ตาม ป.วิ.อ ม.227 ซึ่งบัญญัติว่า

“ ให้ศาลใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริง และจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น

เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย “

เรื่องนี้จึงเป็นที่ถกเถียงกันมากเนื่องจากยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาอ้างอิง ในส่วนผู้เห็นชอบก็จะอ้างว่ายังไม่เข้าข่ายไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนฯมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ส่วนผู้ไม่เห็นชอบก็จะอ้างว่าเข้าข่ายแล้ว ทั้งนี้ในทางอาญาการยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยนั้น พอรับได้ แต่การยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ผู้ที่จะไปทำหน้าที่สำคัญของชาติในองค์กรอิสระ จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันให้รอบคอบถี่ถ้วนว่า มันขัดกับรัฐธรรมนูญ ม.170 วรรคแรก (4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ (5)ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

แต่เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่เคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนั้นจึงชอบที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายได้แก่ สส. สว. หรือกกต.จะต้องส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการปฎิบัติต่อไป

กล่าวโดยสรุปคือ การที่ลงชื่อยื่นคำร้องในครั้งนี้ ผมมีเหตุผลที่สำคัญ 2 ประการ คือ

1.ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายยังเพิกเฉย ละเลย ไม่ทำหน้าที่หรือมีพฤติกรรมที่แสดงออกว่าจะทำหน้าที่ตามกฎหมาย

2.ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีนี้ เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป

อนึ่งขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของหลักการความถูกต้องเท่านั้นไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล หรือรัฐบาลแต่อย่างใด อีกทั้งไม่มีใบสั่ง หรือรับคำสั่งจากใครเพื่อตอบแทนบุญคุณ หรือหวังผลตอบแทนอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการกระทำด้วยจิตสำนึกและความรับผิดชอบที่มีต่อชาติ ศาสน์กษัตริย์และประชาชนอย่างแท้จริง (รับทราบ) ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีร่วมกันในการทำหน้าที่อย่างสุจริตใจ ผมขอหยิบยกวาทะของ บุคคลสำคัญของโลก สองท่าน คือ

1.เติ้งเสี่ยวผิง รัฐบุรุษผู้เปลี่ยนประเทศจีน จากยากจนเป็นมหาอำนาจโลกในปัจจุบันนี้ ที่ว่า “ อย่าตอบแทนบุญคุณส่วนตัว ด้วยผลประโยชน์ของประเทศชาติ”

2.J.F.Kennedy อดีตประธานาธิบดีของ สหรัฐอเมริกา ที่กล่าวไว้ในวันรับตำแหน่ง ว่า “ จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามว่าตัวท่านเองว่าท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติ” วาทะของผู้นำทั้งสองนี้ น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจและช่วยสร้างจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชนได้บ้างไม่มากก็น้อยละครับ

ที่เล่าให้ฟังมานี้เป็นเพียงการนำข้อจริงและความเห็นส่วนตัวของผมที่สัมผัสมาด้วยตนเองมาถ่ายทอดกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเท่านั้น ไม่ประสงค์ให้ร้ายใคร เพื่อเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น หรือ ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อนแต่อย่างใด เพราะ ”ความจริงก็คือความจริง”

# ผลประโยชน์ของชาติสำคัญกว่า

# ถูกต้องมาก่อนถูกใจ

# รักเธอประเทศไทย

# ทำดี ทำได้ ทำทันที

จากใจ

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร

สมาชิกวุฒิสภา

27 พ.ค.2567

 

#40สว #ดิเรกฤทธิ์เจนครองธรรม #ข่าววันนี้