"เศรษฐา" ยอมรับเดินทางพบ "วิษณุ" หารือทำคำชี้แจง "ศาลรัฐธรรมนูญ"ปมถูก 40 สว.ร้องถอดถอนจากตำแหน่งปมเสนอชื่อพิชิตนั่งรมต.  เผยเคารพผลโพลสะท้อนคะแนนนิยม "เพื่อไทย"ตามหลัง "ก้าวไกล"  ด้านภูมิธรรม เมินผลโพล บอกอย่าใส่ใจ ขอเดินหน้าทำงาน ขณะที่ เพื่อไทย ไม่ย่อท้อหลังผลโพลทักคะแนนตก

     ที่สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญ นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลที่แล้ว มาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณี 40 สว. ยื่นถอดถอนจากตำแหน่งปมเสนอชื่อ นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี  ว่า ผมไม่ได้เชิญท่านมา แต่ผมได้ไปหาท่านที่บ้านพัก ซึ่งได้มีการพูดคุยกันแล้ว เมื่อถามว่า นายวิษณุได้ให้คำปรึกษาในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องระหว่างตนกับนายวิษณุดีกว่า
 

   ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ความคืบหน้าในการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเกือบสมบูรณ์แล้วหรือยัง  นายเศรษฐา  ตอบว่า ยังครับ เมื่อถามว่า ยังติดปัญหาอะไร  เศรษฐา กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เสร็จ เมื่อถามว่า การที่ได้ไปขอคำปรึกษาจากนายวิษณุทำให้มั่นใจใช่หรือไม่ว่าการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญจะสู้ได้แน่นอน นายเศรษฐา ตอบว่า มั่นใจครับ เมื่อถามว่า ระยะเวลา 15 วัน เพียงพอหรือไม่ในการทำคำชี้แจง นายเศรษฐา กล่าวว่า เข้าใจว่าเพียงพอ เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามั่นใจและไม่กังวลอะไรในการต่อสู้คดีใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบย้ำว่า ถามคำว่ากังวล สื่อก็ถามผมทุกวัน ซึ่งผมก็ตอบว่าผมกังวลตลอดในทุกๆเรื่อง
   

 ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปพบและขอคำแนะนำจากนายวิษณุที่บ้านพักเมื่อช่วงสายของวันที่  25 พ.ค.ที่ผ่านมา
 

   นายเศรษฐา ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลสถาบันพระปกเกล้าสำรวจความเห็นประชาชนที่ความนิยมทั้งของพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีต่ำกว่าพรรคก้าวไกล จะต้องมีการเร่งโปรโมทหรือไม่เนื่องจากจะครบ 1 ปีแล้ว แต่คะแนนนิยมยังตามพรรคก้าวไกลอยู่ ว่า เรื่องนี้เป็นการสะท้อนความเห็นของประชาชน เราต้องให้ความเคารพกับข้อมูลที่ได้มา อย่างที่บอกว่าไม่อยากอ้างเรื่องงบประมาณปี 2567 ที่เพิ่งได้นำออกมาใช้ ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
 

   ผู้สื่อข่าวถามว่า มีประเด็นใดเป็นพิเศษที่จะพูดคุยในคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจวันนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องรอผลหลังเสร็จสิ้นการประชุม ก็ต้องให้เกียรติคณะกรรมการท่านอื่นด้วย เพราะไม่ได้เป็นการสั่งการแต่มาพูดคุย ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร มีข้อเสนอแนะอย่างไร ถ้าให้ข้อมูลก่อนจะไม่เหมาะสม เมื่อถามว่า เบื้องต้นจะเป็นมาตรการระยะสั้นก่อนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การประชุมวันนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และไม่อยากใช้คำว่า ครม.เศรษฐกิจ แต่เป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และย้ำว่าขอฟังความคิดเห็นก่อนว่าเป็นอย่างไร ยังไม่แน่ใจว่าจะออกมาเป็นมาตรการหรือไม่ เมื่อถามว่า มีมาตรการ ในใจแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่ให้รายละเอียดบอกเพียงว่าเป็นไปตามที่พูดไปแล้ว

  ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการสำรวจความเห็นของสถาบันพระปกเกล้า ที่พบว่าหากเลือกตั้งวันนี้พรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส. 208 คน และพรรคเพื่อไทยจะลดเหลือ 105 คน ว่า เรื่องโพลไม่ได้สำคัญอะไร ไม่เห็นมีเรื่องอะไรสำคัญ ส่วนที่คะแนนนิยมตามหลังพรรคก้าวไกลทั้งในส่วนของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยนั้น โพลเป็นการรวบรวมวิธีคิด การแสดงความเห็น ก็เป็นเรื่องที่อุทธรณ์ แต่ถ้าไปฟังตัว นายสติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้าที่ทำโพล เขาก็บอกว่าไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร เพราะเป็นช่วงหลังจากที่ทำงานมา ก็ต้องขอดูกันต่อไป ในส่วนของรัฐบาลเอง ตอนนี้เราก็ดูตัวเอง และทำงานกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้ามัวมานั่งมองแต่โพล ซึ่งโพลมีหลายสำนัก ไม่รู้จะเชื่อใครดี  
 

   เมื่อถามว่า โพลของสถาบันพระปกเกล้าเป็นโพลทางด้านวิชาการ ซึ่งน่าจะมีความน่าเชื่อถือ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ว่าสถาบันพระปกเกล้า นิด้า หรือโพลภาคอีสาน มันก็เหมือนกัน ตนว่าอย่าเพิ่งไปใส่ใจเรื่องนี้เลย ทำงานดีกว่า  เมื่อถามว่า จากโพลที่ออกมาจะทำให้การทำงานของพรรคเพื่อไทยหนักขึ้นหรือไม่ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราทำงานหนักของเราเองอยู่แล้ว ตลอดเวลา เมื่อถามย้ำว่า ต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานอย่างไรหรือไม่ สำหรับพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราปรับเปลี่ยนตัวเองตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้านายเศรษฐาจะขายไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ แต่นายภูมิธรรมไม่ได้ตอบคำถาม
   

 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า  เรายอมรับผลสำรวจของสำนักโพลแต่ละสำนัก ซึ่งแต่ละสำนักอาจจะเหมือนหรือแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้เราต้องฟังอีกหลายๆ โพลเช่นเดียวกัน เมื่อถามว่า ผลโพลที่ออกมาจะทำให้บั่นทอนการทำงานหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ไม่บั่นทอน เนื่องจากในคำถามถามว่าหากการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ แต่จริงๆ การเลือกตั้งไม่ได้จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะรัฐบาลจะอยู่ครบสี่ปีแน่นอน ฉะนั้น การเลือกตั้งจึงเหลืออีกสามปีกว่า โดยในช่วงเวลาที่เหลือ เรามั่นใจว่าหากงบประมาณผ่าน และต้องยอมรับว่าการบริหารประเทศหลังรัฐบาลรัฐประหาร บวกกับมาเจอสถานการณ์โควิด การเข้ามาบริหารประเทศก็ไม่ใช่เรื่องที่จะผลักดันได้ง่าย
   

 นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า การบริหารประเทศจึงเป็นโจทย์หินและเป็นโจทย์ยาก แต่ที่นายเศรษฐาทำมาแล้วก็เห็นทิศทางว่าหากงบประมาณปี 67 ออกต่อเนื่องด้วยงบประมาณปี 68 การขับเคลื่อนนโยบาย เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะมาในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รวมถึงอีกหลายนโยบายของภาครัฐ ตนคิดว่าผลงานของรัฐบาลจะดีขึ้น และหากเปรียบเทียบระยะเวลาการทำงาน 4 ปีนั้น รัฐบาลก็คงอยากทำงานแบบวิ่ง 100 เมตร คือเห็นผลโดยเร็ว แต่ในความเป็นจริงการทำงานก็เหมือนเป็นการวิ่งมาราธอน เพราะด้วยสถานการณ์ที่เราต้องก้าวข้ามผ่านวิกฤตแต่ละวิกฤต ฉะนั้น จึงถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่เข้ามาทำงานในช่วงรอยต่อเช่นนี้ และหากรัฐบาลทำงานต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นผลที่เป็นรูปธรรม
 

   สำหรับผลโพลที่บอกว่าพรรคใดจะมีคะแนนนำนั้นอาจมีหลายปัจจัย แต่ต้องยอมรับว่าพรรคที่คะแนนนำนั้นยังไม่เคยได้โอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งโดยหลักการการเป็นฝ่ายค้าน ประชาชนยังไม่เห็นฝีมือ เมื่อยังไม่เห็นฝีมือ ก็อาจจะคาดหวังว่าหากได้เข้าไปทำจะเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำก็ยากลำบาก แต่ในความยากลำบากก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาล พท. จะท้อถอยหรือเสียสมาธิอะไร แต่เราจะเดินหน้าทำงาน
 

   ผู้สื่อข่าวถามว่า จากผลโพลที่ออกมาจะทำให้ต้องทำงานหนักมากขึ้นหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เราน้อมรับและรับฟังผลโพลแต่ละสำนัก เพราะโพลแต่ละสำนักก็มีวิธีการที่แตกต่างกัน แต่เราคงจะไม่นำโพลมาบอกว่าเราท้อแท้หรือฮึกเหิมมั่นใจ ในส่วนของการทำงานเราก็ต้องตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ฉะนั้น โพลที่ออกมาตนมองว่าเป็นแรงผลักดัน เป็นความท้าทายที่รัฐบาลต้องเร่งสปีดผลักดันและออกนโยบายที่เป็นรูปธรรม และเชื่อว่าหากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตสามารถประสบความสำเร็จได้ ตนเชื่อว่าคะแนนนิยมจะดีขึ้นแน่นอน
   

 เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานอะไรหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าการทำงานของรัฐบาลมียุทธศาสตร์ มีแผนงานที่ชัดเจน แต่การเห็นโพลแล้วจะสปีดมากขึ้นหรือไม่นั้น ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีก็ทำงานอย่างหนักมาแต่แรกอยู่แล้ว และทำงานอย่างหนักเช่นนี้มาตลอดอยู่แล้ว ฉะนั้น ตนคิดว่ารอให้นโยบายต่างๆ ที่เป็นเรือธงของเพื่อไทยออกมาก่อน ความเชื่อมั่นและคะแนนนิยมจะดีขึ้นอย่างแน่นอน