ศาลธัญบุรีพิพากษาจำคุก ลูกเกด-ชลธิชา ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล 3 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 2 ปี ไม่รอลงอาญา เซ่นคดีมาตรา112 ยกฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ ชัยธวัชใช้ตำแหน่งส.ส.-หลักทรัพย์ 1.5 แสน ประกันตัว รอดนอนคุก ขณะที่"ศาลฯ สั่งจำคุก "แอมมี่ เดอะ บอตทอม บลูส์" 4 ปี ไม่รอลงอาญา คดีมาตรา 112
เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลนัด นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ "ลูกเกด" นักกิจกรรมทางการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ปทุมธานี เขต 3 พรรคก้าวไกล ฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ1971/2565 เหตุสืบเนื่องมาจากการชุมนุมที่หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2564 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง
สำหรับคดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 10 คน ทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนางสาวชลธิชา หรือลูกเกด ส.ส.พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาเพิ่มตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพียงคนเดียว เนื่องจากเนื้อหาคำปราศรัยเกี่ยวข้องกับการออก พ.ร.บ.ระเบียบราชการในพระองค์ 2560 และการใช้อำนาจตามพระราชอัธยาศัย
ล่าสุด มีรายงานว่า ศาลพิพากษานางสาวชลธิชา หรือ "ลูกเกด" นักกิจกรรมทางการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)พรรคก้าวไกล มีความผิดคดี มาตรา 112 ให้จำคุก 3 ปี แต่ศาลลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือ 2 ปี โทษจำคุกไม่รอลงอาญา ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว ความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
มีรายงานว่า หลังจากที่ศาลพิพากษาจำคุกนางสาวชลธิชา หรือ "ลูกเกด" ในความผิดคดี มาตรา 112 ให้จำคุก 3 ปี แต่ศาลลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือ 2 ปี โทษจำคุกไม่รอลงอาญา นั้น ล่าสุด "โตโต้" นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.ก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โตโต้ ปิยรัฐ - Piyarat Chongthep ระบุว่า ด่วน!!! 10.00 น.วันนี้ ศาลจังหวัดธัญบุรี พิพากษาลงโทษ จำคุกส.ส.ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว ปทุมธานี เขต3 พรรคก้าวไกล เป็นเวลา 3 ปี แต่ลดโทษให้เหลือ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนฐานความผิดอื่นที่ถูกกล่าวหาร่วมกับพวกยกฟ้อง และศาลได้มีคำสั่งให้ประกันในเวลาต่อมาโดยใช้หลักทรัพย์ประกันเดิม
ขณะที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Lookkate Chonthicha - ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว โพสต์ข้อความระบุว่า "เกดถูกศาลพิพากษาคดี 112 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ได้ประกันตัวค่ะ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาของศาล นางสาวชลธิชาได้เดินออกมาจากศาล โดยมีเพื่อน ส.ส.ก้าวไกล อดีตส.ส.ก้าวไกล นำโดย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สวมกอดให้กำลังใจ นางสาวชลธิชา ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้มีทั้งหมด 10 คน 9 คน ยกฟ้องในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีเพียงตนที่โดนคดีมาตรา 112 ซึ่งหลังจากนี้จะยื่นอุทธรณ์ต่อ โดยวันนี้ศาลให้สิทธิ์ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เดิม จำนวน 150,000 บาท แค่เปลี่ยนสัญญาการประกันเท่านั้น
เมื่อถามว่า ศาลได้บอกอะไรเกี่ยวกับคดี นายชัยธวัช กล่าวแทนว่า ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดมาก เรื่องนี้นางสาวชลธิชาได้มีการปราศรัย เกี่ยวข้องกับกฎหมาย 2 ฉบับ ในยุคสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้แก่ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยราชการในพระองค์ และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งนางสาวชลธิชาต่อสู้ว่า เจตนาของตนเองเป็นอย่างไร แต่ศาลก็ยังเห็นว่าผิด จึงพิพากษาให้จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษเหลือ 2 ปี ทำให้ต้องอุทธรณ์ต่อไปแค่นั้น
จากนั้นนางสาวชลธิชา กล่าวย้ำว่า ขอปรึกษากับทนายความก่อน พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า ตนไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เป็นไปตามกระบวนการ เมื่อถามว่า นางสาวชลธิชาเป็นคนที่ 2 ที่โดนคดี ต่อจาก นางสาวรัชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล พรรคมีแนวทางอย่างไร หากคนของพรรคโดนคดีอีก นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องพิจารณาเป็นกรณี ซึ่งสส.ใหม่ของพรรค จะโดนคดีก่อนเข้ามาในพรรค
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาครั้งที่ 3 คดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1199/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะ บอตทอม บลูส์ ศิลปิน-แกนนำม็อบป่วนเมือง และนายธนพัฒน์ หรือปูน กาเพ็ง เป็นจำเลย 1-2 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาตรา 217 ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯพ.ศ.2550 มาตรา 14 (3)
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อคืนวันที่ 28 ก.พ.64 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันวางเพลิง โดยใช้น้ำมันก๊าดราดใส่ และจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ซึ่งประดิษฐานติดตั้งบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมได้รับความเสียหาย นับเป็นการแสดงอาฆาตมาดร้าย ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ต่อมาจําเลยได้นําภาพเข้าและเผยแพร่สู่ระบบคอมพิวเตอร์ ในบัญชีเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า The BOTTOM BLUES ของจําเลย ซึ่งเป็นการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตที่เปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ จึงเป็นการ นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
ศาลอาญาพิเคราะห์หลักฐานโจทก์จำเลยทั้งสองแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันวางเพลิงจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่ประดิษฐานอยู่หน้าเรือนจำคลองเปรมหลังกระทำแล้วจำเลยที่หนึ่งได้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ the bottom blues เผยแพร่ภาพไฟไหม้รูปพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และเปิดเป็นสาธารณะทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้แม้จำเลยทั้ง2จะอ้างว่าไม่ได้ทำเพื่อมุ่งร้ายต่อพระมหากษัตริย์ แต่เป็นการแสดงออกเพื่อ เรียกร้องให้ปล่อยตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ หรือเพนกวิน ทั้งนี้การเรียกร้องดังกล่าวจำเลยยังสามารถแสดงออกได้อีกหลายวิธีการที่เลือกเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ย่อมเป็นการใช้สิทธิ์ที่มิใช่สิทธิ์ตามปกตินิยมแม้จะอ้างว่าไม่มีเจตนาต่อพระมหากษัตริย์แต่โจทก์มีรายงานการสืบสวนและคำเบิกความของพยานจำเลยทั้งสองว่าพยานจำเลยทั้งสองร่วมกับเพนกวินเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์โดยการกระทำที่ไปจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ย่อมแสดงว่าจำเลยทั้งสอง มีเจตนาทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้ว่าหากไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของจำเลยทั้งสองก็จะสามารถทำลาย สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันที่ประชาชนเคารพรักการกระทำดังกล่าวเป็นลักษณะการขู่เข็ญโดยการแสดงออกด้วยการกระทำว่าจะทำให้เสียหายในทางใดใดไม่ว่าจะเป็นร่างกายทรัพย์สินสิทธิเสรีภาพชื่อเสียงกิตติคุณและลดคุณค่าของพระมหากษัตริย์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิด
พิพากษาว่า จำเลยทั้ง2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 217 ประกอบมาตรา 83 และจำเลยที่หนึ่งมีมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์มาตรา 14 (3) การกระทำของจำเลยที่1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์กับฐานร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นโทษที่หนักสุด จำคุกจำเลยที่1 กำหนด 3 ปี ขณะกระทำผิดจำเลยที่2 อายุ 18 ปีและไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 76 จำคุกหนึ่ง 1 ปี 6 เดือน และจำคุกจำเลยที่1 ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 3ปี
คำรับสารภาพของจำเลยทั้ง2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่1 ตามมาตรา 112 กำหนด 2 ปี และฐานพรบ.คอม 2 ปี รวมโทษแล้วจำเลยที่ 1 จำคุก 4 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี