“พิมพ์ภัทรา” เร่งเครื่องชาวอุตสาหกรรม เดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน กู้ศักดิ์ศรีข้าราชการ ให้พ้นข้อครหา “แดนสนธยา ป่าหิมพานต์ ทำงานอยู่ใต้ดิน” พร้อมเผย อยากเห็นดีเอ็นเอคน อก. “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง”
 
เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรมเป็นประธานการประชุมสัมมนามอบนโยบายเพื่อผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศสู่การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ให้กับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ว่า ช่วงเวลากว่า 8 เดือน จากวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งจนถึงวันนี้ มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะเข้ามาขับเคลื่อนงานของกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อให้เป็นที่พึ่งของผู้ประกอบการและประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมมอบนโยบาย “รื้อ ลด ปลด สร้าง” เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่ปฏิบัติงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมทั่วประเทศได้นำไปปรับใช้ในการเร่งรัดสนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการ    สร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออำนวย โดยมีเป้าหมายให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และอยู่คู่กับประชาชนและสังคมได้อย่างยั่งยืน
 
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า การดำเนินภารกิจให้สำเร็จนั้น จะทำโดยลำพังไมได้ ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจของทุกหน่วยงานในกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะหน่วยงานในระดับพื้นที่ต้องมีบทบาทที่เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนเกิดผลอย่างรวดเร็วเป็นรูปธรรมในระดับพื้นที่ ประกอบด้วย รื้อ ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้เอื้อต่อการประกอบกิจการอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น อย่าให้ใครมาตราหน้าว่าเป็น “แดนสนธยา ป่าหิมพานต์ ทำงานอยู่ใต้ดิน” เราต้องปกป้องศักดิ์ศรีข้าราชการที่ดีของกระทรวงอุตสาหกรรม วันนี้ทุกกรมพยายามทำอยู่แล้ว แต่ต้องเป็นภาพให้สังคมรับรู้ และสื่อสารต่อประชาชนให้เข้าใจ ไม่ต้องรอให้ คณะรัฐมนตรีมาสั่ง แต่จะต้องมีคำตอบด้วยผลงานที่แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรม ลด ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการประกอบการ ซึ่งต้องพิจารณาทั้งระบบตั้งแต่ก่อนการอนุญาตไปจนถึงการกำกับดูแลและการปราบปรามผู้กระทำความผิด แผนการจัดการต้องชัด ฝากปลัด อก. ดูแลอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด ให้จัดทำแผนแก้วิกฤติ ปลด ภาระให้ผู้ประกอบการ ลดกระบวนการทำงานที่ไม่จำเป็น รวบรวมรายชื่อผู้ประกอบการให้อยู่ที่เดียวทั้งหมด และสามารถใช้แพลตฟอร์มกลาง ทั้งนี้เพื่อสะดวกต่อการประเมินว่า มีผู้ประกอบการกี่รายที่ได้รับผลกระทบต่อกติกาใหม่ของโลกเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ เพื่อให้คงไว้ซึ่งอุตสาหกรรมของประเทศนี้ต่อไป และ สร้าง โอกาสให้ผู้ประกอบการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศชาติ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
 
นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ตนไม่เคยหมดใจและหมดแรง กับการทำหน้าที่ รมว.อุตสาหกรรม เราไม่มีเวลาท้อแท้ มีแต่เวลาทำงานให้ครอบครัวชาวอุตสาหกรรมกว่า 5,000 คน เพื่อไม่ให้ใครมาชี้หน้าด่าเราอย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องอยู่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ตนเป็นคนนอกที่เดินเข้ามา เพื่อบอกกล่าวพวกท่านว่าเวลานี้คนนอกเขามองเราอย่างไร “โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนที่เราพบเจอวิกฤตหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเหตุเพลิงไหม้ของเสียอันตราย สถานประกอบการดอกไม้เพลิงระเบิด สารเคมีรั่วไหล หรือการลักลอบขนย้ายกากแคดเมียม เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวคือเราไม่มีระบบการบริหารจัดการและแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ รวมทั้งบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคส่วนต่าง ๆ และประชาชนที่มีต่อกระทรวงอุตสาหกรรม หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ เราจะเดินหน้าต่อไปอย่างยากลำบาก ท่ามกลางความไม่ไว้ใจของประชาชน จึงขอให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดและหน่วยงานอุตสาหกรรมส่วนภูมิภาคร่วมกอบกู้ความเชื่อมั่นของกระทรวงฯ เรา
 
“วันนี้เราจะไม่โทษโชคชะตา แต่ต้องช่วยกันทำให้วิกฤตคลี่คลายไปได้ และแม้ดิฉันจะมาจากการเมือง ซึ่งที่มาแตกต่างจากพวกท่าน แต่เป้าหมายเดียวกันของเราคือประชาชน เราจะแพ้ไม่ได้ หนีไม่ได้ เพราะปัญหาของประชาชนมีไว้แก้ และต้องทำให้สำเร็จ สิ่งที่อยากเห็นที่สุดคือ ดีเอ็นเอชาวอุตาหกรรมที่สามารถ สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” รมว.อุตสาหกรรม กล่าว

#พิมพ์ภัทรา #ข่าววันนี้ #กู้ศักดิ์ศรีข้าราชการ #แดนสนธยา