วันที่ 27 พ.ค.67 ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.เปิดเผยว่าตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก  โดยชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้จอดไว้ในโรงแรมใจกลางเมืองกรุงเทพในช่วงกลางวัน แล้วถูกคนร้ายทุบกระจกรถฉกเอาทรัพย์สินและเอกสารสำคัญที่วางไว้ภายในรถไป จากนั้นคนร้ายยังเหิมเกริม นำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปรูดซื้อสินค้ากว่า2แสนบาท 

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าได้กำชับสั่งการให้ พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.  ให้รีบจับกุมกลุ่มคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่เป็นภัยสังคมอีกต่อไป ต่อเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ต่อเนื่องวันที่ 26 พ.ค. 2567 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี , พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์  และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3ฯ และ พ.ต.ท.รณฤทธิ์ กิตติมาศ สว.กก.สส.3ฯ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ปณวัฒน์ จอกสุวรรณ์ , ร.ต.อ.ปิ่น มหถาวร รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น (ชุดปฏิบัติการที่ 3/4 )

ลงพื้นที่สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานกว่า 1 เดือน เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 สืบนครบาล สามารถติดตามจับกุมนายณธกร หรือต้น โสภณบวรฉัตร อายุ 40 ปี ที่อยู่ 16 ซอยลาดพร้าว 58(สุขสันต์ 1 ) แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานครตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.483/2567 ลง 24 พฤษภาคม 2567 (สน.ทองหล่อ) และ นายวชรกร หรือเก่ง จริยประภาพร  อายุ 44 ปี  ที่อยู่ 99/9 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าคล้อ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.482/2567 ลง 24 พฤษภาคม 2567 (สน.ทองหล่อ)

ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม , ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสาร , ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ โดยเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตร อิเล็กทรอกนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสดฯ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม” โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ ซ.เทพลีลา 12  แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าชุดสืบสวนทำการตรวจค้นพบของกลางจากนายณธกร อีกจำนวน 5 รายการ ได้แก่ 1. แท่งเหล็กปลายสว่าน จำนวน 2 แท่ง  (ใช้สำหรับงัด/ทุบกระจกรถยนต์) 2. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone รุ่น 12 Pro Max สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง 3. อาวุธปืนแบลงค์กันพร้อมซองกระสุน จำนวน 1 กระบอก 4. รถยนต์ยี่ห้อ Nissan รุ่น Fairlady สีเทา จำนวน 1 คัน  (รถผิดกฎหมาย)  และจับกุม นายวชรกร หรือเก่ง โดยจับกุมที่ อพาร์ทเมนท์ ซอยแจ่มจันทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม จังหวัดกรุงเทพมหานคร ตรวจค้นพบยาเสพติดจำนวน 3 รายการได้แก่ 1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 6 ถุง น้ำหนักรวม 5.79 กรัม ,2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาอี ) จำนวน 1 ถุง น้ำหนักรวมถุง 0.55 กรัม ,3.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 ( เคตามีน ) จำนวน 1 ถุง น้ำหนักรวมถุง 0.85 กรัม  

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวถึงพฤติการณ์แห่งคดี ว่าเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 เวลา 09.30 น.ผู้เสียหาย ได้ขับขี่รถยนต์ (ป้ายแดง) มาจอดไว้ที่ลานจอดอาคารจอดรถชั้น 5 โรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลังจากนั้นได้เข้าไปสัมมานาภายในโรงแรมฯ จนกระทั่ง วันเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 เวลา 16.29 น. ผู้เสียหาย เดินทางกลับมาที่จอดรถยนต์พบว่ากระจกรถยนต์ประตูหลังด้านซ้ายมีร่องรอยถูกทุบจนแตกละเอียด และพบว่ากระเป๋าเป๋สีดำและกระเป๋คาดเอวสีน้ำเงิน และกระเป๋าสะพายที่วางอยู่เบาะด้านหลัง ได้หายไป โดยภายในกระเป๋าทั้งสามใบ มีทรัพย์สินดังนี้ บัตรเครดิต ซิตี้แบงค์ จำกัด ,บัตรเครดิต ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด,บัตรเครดิต ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด ,บัตร อิออน บัตรเครดิต ธนาคาร ยูโอบี จำกัด และบัตรอื่นๆ ,เงินสดประมาณ5,000 บาท หูฟังแอร์พอดโปร 5 อัน ราคา 6,990 บาท และสมุดบัญชีธนาคารกสิกร ,สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์,สมุดบัญชีธนาคารออมสิน ,สมุดบัญชีธนาคารกรุงศรี ,สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย ,สมุดบัญชีธนาคารทีเอ็มบีธนชาต,สมุดบัญชีธนาคารซีไอเอ็มบี และบัตรประชาชน ,ใบขับขี่ ,ใบขับรถสาธารณะและบัตรประชาชน

ต่อมาผู้เสียหาย ได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางโทรศัพท์มือถือ แจ้งว่ามีการใช้บัตรเครดิต หลายครั้ง ดังนี้ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 เวลา 15.13 น. มีการใช้บัตรเครดิต ไปใช้ที่ภายในห้างสรรพสินค้า แยก ลาดพร้าว-วังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร จำนวน 498 บาท ,เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 เวลา 15.21 จำนวน 31,500 บาท และ เวลา 15.22 น. จำนวน 37,500 บาท ที่ร้านค้า สาขาวังหิน ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นร้านขายปลีกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ , เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567ฃ เวลา 16.27 น. จำนวน 97,800 บาท ที่ร้านขายโทรศัพท์ ภายในห้างสรรพสินค้า แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องหาตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนปากคำ นายณธกร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้ร่วมกับพวก คือนายวชรกร หรือเก่ง ก่อเหตุจริง ซึ่งตนเองทำหน้าที่ ตัวซ้อนรถและทุบกระจก นายวชรกรทำหน้าที่ คนขับขี่รถ โดยหลังก่อเหตุ ตนได้นำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปรูดซื้อโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง เพื่อนำไปขายต่อ เงินที่ได้จะนำไปซื้อยาเสพติดเพื่อเสพ ที่เลือกทุบรถ เพราะว่าสถานที่ดังกล่าวปลอดคน และมองเห็นสิ่งของมีค่าในรถได้ชัดส่วนนายวชรกร ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว แต่ให้การว่ารู้จักนายณธกร หรือต้น เนื่องจากเป็นเพื่อนกินเที่ยวด้วยกัน และรับว่ายาเสพติดที่ตรวจพบ เป็นของตนที่มีไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายจริงประกอบกับทั้งนี้

จากการตรวจสอบในฐานระบบข้อมูล พบประวัติ  ดังนี้1.ตัวการมี อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้อนุญาต (ครอบครองปืนไม่มีทะเบียน),ตัวการพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชน (สน.โคกคราม) ,2.ร่วมกันลักทรัพย์ (สน.คันนายาว) ,3.ร่วมกันลักทรัพย์ (สน.คันนายาว)

และการตรวจสอบประวัติของ นายวชกร หรือเก่ง ดังนี้1.มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (นอกเหนือจากแอลเอสดี หรือเมตแอมเฟตามีน) มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 3 กรัมขึ้นไป( สภ.แก่งคอย จังหวัดสระบุรี ) จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวฝากเตือนและห่วงใยประชาชน ปัญหาการถูกทุบกระจกรถขโมยทรัพย์สินเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบาดแพร่สะพัดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สร้างความเดือดร้อนทั้งต่อทรัพย์สินและการเสียเวลา ฉะนั้นฝากเตือนว่าควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของโจร ไม่จอดรถในที่เปลี่ยว ที่ไม่มีผู้คนผ่านไปมาหรือตามตรอกซอกซอยลึก เลี่ยงการจอดรถริมถนนยามค่ำคืน แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องจอดริมถนน ควรเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างมากที่สุดและมีผู้คนสัญจรไปมา ไม่ทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ถ้าคุณไม่สามารถเลือกที่จอดได้ และต้องรถในที่เปลี่ยวและมืด ไม่ควรทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ทั้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป กล้องถ่ายรูป กระเป๋าราคาแพง และอื่นๆ เพราะจะล่อตาล่อใจโจรที่ตระเวนออกล่าเหยื่อ ทางที่ดีควรหยิบของมีค่าติดมือลงจากรถไปด้วย ติดสัญญาณกันขโมย ถึงแม้สัญญาณอาจจะไม่สามารถป้องกันการถูกลักทรัพย์ได้เต็ม 100% แต่ก็ยังช่วยชะลอการก่อเหตุหรืออาจทำให้โจรเตลิดหนีไปได้