เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 27 พ.ค. 2567 ที่สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ถนนพระรามที่ 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน EARTH JUMP 2024 : The Edge of Action โดยระบุว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา 8-9 เดือน ให้ความสำคัญเรื่องโลกร้อน และการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเชิญชวนให้มาลงทุน ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์แล้ว จึงอยากเอาประสบการณ์มาแชร์มากกว่ามาอ่านสุนทรพจน์ที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ เชื่อจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย โดยสิ่งที่ออกไปเชิญชวนนักลงทุน มีอยู่ 3 เรื่องที่เขาให้ความสำคัญ คือ เรื่องสิทธิประโยชน์ ความเป็นกลางทางอำนาจ และพลังงานสะอาด ดังนั้นเราต้องมีความพร้อม เพราะยังมีการแข่งขันโดยเฉพาะกับประเทศอื่น แต่เชื่อว่าประเทศไทยเป็นต่อในหลายเรื่อง ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ ค่าครองชีพที่ต่ำ และกฎหมาย
นายกฯ กล่าวว่า จากการหารือกับนายกรัฐของ สปป.ลาว ที่เขามีพลังงานสะอาด และเขื่อนจำนวนมาก จึงต้องการขายไฟฟ้า และพลังงานเหล่านี้ ซึ่งไทยก็เป็นประเทศที่ต้องการไฟฟ้าสะอาด รวมถึงสิงคโปร์ ที่เขามีระบบนิเวศที่ดี มีกฎหมายมีที่ดี มีสตาร์ทอัพที่แข็งแกร่ง และมีความต้องการที่จะขายพลังงานสะอาดผ่านสายส่งของไทย ซึ่งเรื่องนี้คงให้ไม่ได้ แต่ก็จะไม่ให้ลาวเสียประโยชน์
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่น่าสนใจในเรื่องการใช้พลังงานสะอาด มีการใช้พลังงานสูงถึงร้อยละ 90 ของพลังงานทั้งหมด จึงไปดูว่าเอาพลังงานสะอาดมาจากไหน รวมถึงอยากให้ศึกษาพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนเริ่มเข้าใจ ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ โดยต้องเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง และต้องพูดคุยกันต่อในอนาคต และทำความเข้าใจกับประชาชน
นายเศรษฐา กล่าวว่า การลงพื้นที่ไม่ได้แค่ดูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แต่มีหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับอากาศสะอาด ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความรู้กับเกษตรกรไทยถึงวิธีการทำเกษตร ที่จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์
“อยากให้สถาบันการเงินของเอกชนสนับสนุนการเงินให้บริษัทที่ทำเกี่ยวกับพลังงานสะอาด โซลาร์รูฟ และอีวี ซึ่งรัฐบาลพยายามจะสานต่อเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเงินกู้ต่างๆ รัฐบาลก็จะมีหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน เป็นตราสารหนี้รูปแบบใหม่ในกลุ่มตราสารหนี้สีเขียว เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนพัฒนาสังคมโลก ยอมรับว่าเรื่องเงินทุนเรายังทำได้ไม่ดี ยังต้องพึ่งตลาดทุน จึงได้พูดคุยกับตลาดหลักทรัพย์เรื่องการสนับสนุนการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ให้ความสำคัญกับบริษัทที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจสีเขียวเข้ามาจดทะเบียน เพราะตลาดทุนมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคมโลกสีเขียว”นายกฯกล่าว
นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศไทยในอนาคต เชื่อว่าในอีกประมาณ 15 ปี หรือปี 2040 มีความมั่นใจว่าพลังงานสะอาดร้อยละ 50 ของพลังงานที่ใช้ในประเทศไทยจะเป็นพลังงานสะอาด แม้ปัจจุบันจะใช้อยู่ แต่ไม่เยอะพอ ซึ่งเราโชคดีมีเขื่อนจำนวนมาก ที่สามารถใช้พลังงานสะอาดได้ แม้เรื่องนิวเคลียร์ยังไม่เกิด แต่ก็มีแหล่งพอที่จะสร้างพลังงานสะอาดได้เป็นจำนวนมาก และเชื่อว่าบริษัทขนาดใหญ่เข้าใจถึงความสำคัญ แต่ความน่าเป็นห่วงคือซัพพลายเชน ถ้าไม่สามารถนำบริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามาอยู่ปรัชญาเดียวกันได้จะเกิดปัญหาการส่งออก หรือถ้าไทยไม่มีพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เขาก็ไม่อยากมาทำงานด้วย ไม่เช่นนั้นจะประสบปัญหาการดึงดูด จึงฝากผู้ประกอบการ ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย และหวังว่าองค์กรอื่นจะนำไปทำต่อซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีมาก