จากกรณีการเสียชีวิตของ นายพิชิต กลีบจินดา หรือ "เสี่ยต้น" เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังกลับไปหานางมด ภรรยา ที่บ้านพักในจังหวัดมหาสารคาม กระทั่ง น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ เจ น้องสาวของเสี่ยต้น เข้าปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือกับทนายเดชา เนื่องจากสงสัยการตายมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ จึงได้เดินหน้าร้องขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการเสียชีวิตของพี่ชาย และขอให้เร่งหาตัวคนร้ายที่ขับขี่ จยย. ตามประกบยิงรถตู้ของพี่ชาย เหตุเกิดในพื้นที่รับผิดชอบ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา 

วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สน.วังทองหลาง ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ พร้อมด้วยพระวสันต์ กลีบจินดา (กตคุโณ) พร้อมนาง ประภาพินท์ กลีบจินดา พ่อ-แม่ของเสี่ยต้น และนางสาวณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ "เจ" น้องสาวเสี่ยต้น ได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดี

โดยทนายเดชา กล่าวว่า วันนี้พาครอบครัวมาติดตามความคืบหน้าคดีและมาชี้เป้าพร้อมนำพยานมาเบิกความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคดีให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งประเด็นการจ้างวานและคนยิง ส่วนภาพของคนผู้ก่อเหตุตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วและชัดเจนพอสมควร แต่จะต้องนำมาเชื่อมโยงคนจ้างวานและแรงจูงใจต่างๆให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยคาดว่าสัปดาห์หน้า จะมีข่าวดีเรื่องหมายจับคนร้าย ที่เบื้องต้นคาดว่ามีมากกว่า 3 คนร่วมกระทำผิด ส่วนประเด็นสาเหตุหลักๆส่วนตัวเชื่อว่าเป็นปัญหาครอบครัว อยู่ระหว่างสืบสวนว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง ยอมรับว่าคดี มีความคล้ายกับ คดีลอบสังหาร "เอ็กซ์" จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักแม่นปืนทีมชาติไทย เมื่อปี 2556 แต่มีบางสิ่งที่ต้องสอบเพิ่มเติมไม่เหมือนกันทั้งหมด 

ส่วนคดีการเสียชีวิตที่มหาสารคาม ทางชุดสืบสวนฯวันนี้ก็เดินทางมาด้วย และทราบว่าได้ดำเนินการไปเยอะแล้วทั้งการ สอบพยานในคดี เช่น ใครเป็นซื้อสุราใครกิน รวมถึงสอบปากคำสัปเหร่อ โดยตำรวจยังไม่ได้บอกชัดว่าให้น้ำหนักเรื่องอะไร ต้องนำข้อมูลของทั้งสองพื้นที่มาประกอบกัน เช่น ผลการชันสูตรรกระดูกที่ยังรอผลจากนิติเวชฯ พร้อมย้ำว่าคดีนี้ในส่วนของผู้ต้องสงสัยตำรวจมีอยู่แล้ว แต่ต้องหาหลักฐานเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ส่วนที่สังคมตั้งประเด็นเรื่องเงินประกันนั้น ก็มีความเป็นไปได้แต่ต้องสืบให้ชัดเจน เรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน