๏ โลกนี้มีงานเลี้ยงชื่อหงเหมิน
ตามบัตรเชิญทางทิศเผื่อคิดหนี
สุรารสกลมกล่อมย้อมใจพลี
คมกระบี่เงาพระจันทร์เมื่อฝันไกล
๏มนุษย์คือปุถุชนคนสามัญ
พบใครย่อมมีฝันทุกวันใหม่
ถ้าเรือพายถูกแช่แข็งสิ้นแรงใจ
ซื่อตรงอยู่หนใดในศาสตรา
๏จักจั่นถูกฝั่งไว้ใต้หิมะ
แมลงมากราคะสละค่า
ยิ้มซ่อนดาบชิงชังฝั่งชีวา
บริสุทธิ์ใจข้ามากอารมณ์
๏ถือกระบี่ข้ามผามหาสมุทร
ดวงดาวไหนรั้งฉุดหยุดใจข่ม
เพลงพิรุณกลืนกินสิ้นความคม
ถึงสวยสมหวนหาแห่งสาคร
๏ วันหนึ่งเพื่อนรักหักเลี่ยมโหด
จำเลยโจทก์หมอบเมียงเคียงสลอน
ความรู้สึกซึ้งรั่วไหลในคำพร
ฝุ่นลอยฟ้อนดูเขม้นไม่เห็นทาง
๏ เราอาจร่วมกินเลี้ยงหลงที่หงเหมิน
ดูบังเอิญอกตรมระบมหมาง
ลบชิงชัยด้วยใจใส่ไม่จาง
ถึงเลือกข้างหยั่งมิตรจิตไมตรี๚
มหา สุรารินทร์
หมู่บ้านหงเหมินเปา อำเภอหลินตง เมืองเสียนหยาง มณฑลส่านซี
17 มีนาคม 2567/17.00น.
งานเลี้ยงที่หงเหมิน(鴻門宴) เหตุการณ์สำคัญในช่วงราชวงศ์ฉินล่มสลายเมื่อกองทัพสองสายระหว่างหลิวปังกับเซี่ยงหวี่หันหน้ากันคนละทางข่วงชิงไปสู่จุดหมายโดยทั้งสองมีข้อตกลงกันว่า “ใครเข้ายึดเสี้ยนหยาง เมืองหลวงราชวงศ์ฉินได้ก่อน ผู้นั้นได้ครองอาณาจักรฉินทั้งหมด”สุดท้ายเป็นฝ่ายหลิวปังนำกองทัพบุกเข้าไปทางตะวันตก เพื่อเข้ายึดที่ราบกวานจง ที่ราบภาคกลางมณฑลซ่านซี ปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเสี้ยนหยาง ก่อนจะเข้ายึดเมืองเสี้ยนหยางที่ว่างเปล่าไม่มีทหารเฝ้ารักษาการณ์ ได้เมืองโดยง่าย
เมื่อเข้าเมืองเสี้ยนหยางได้ หลิวปังก็ผูกมิตรกับผู้มีฝีมือ โดยยกเลิกกฎหมายที่โหดเหี้ยมของราชวงศ์ฉินไม่แตะต้องเงินในท้องพระคลัง ประกาศใช้กฎหมายของตนที่เรียกว่า “บัญญัติ 3 ประการ” คือ “ฆ่าคนต้องชดใช้ชีวิต, ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และลักขโมยล้วนมีความผิด” เรียกว่าทัพหลิวปังเข้าเมืองก็ได้ใจชาวเมืองไปเต็มๆ.. งานนี้เล่นเอาเซี่ยงหวี่เป็นเดือดเป็นแค้นและเสียหน้าเป็นอย่างมากหมายจะเอาขีวิตหลิงปังให้จงได้ให้บุกโจมตีหลิวปังในเช้าตรู่ของวันถัดไป
โชคยังเข้าข้างหลิวปังเมื่อ เซี่ยงป๋อ อาของเซี่ยงหยี่เคยติดค้างหนี้บุญคุณ จางเหลียง ที่ปรึกษาคนสำคัญของหลิวปัง ที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ จึงเดินทางไปแจ้งข่าวให้จางเหลียงรีบหนีไป จางเหลียงทราบเรื่องก็ตกใจ แล้วกล่าวว่าหลิวปังดีต่อเขามากในยามคับขัน หากไปจากเขาโดยไม่กล่าวลา ผู้คนจะเหยียดหยามว่าไม่มีศีลธรรม จางเหลียงจึงได้นำเรื่องราวไปบอกกับหลิวปัง
จางเหลียงบอกกับหลิวปังว่ามีเพียงเซี่ยงป๋อเท่านั้นที่ช่วยได้ จางเหลียงเชิญเซี่ยงป๋อมาพบ หลิวปังผู้ได้ขื่อว่าใจใหญ่ใจถึงพึ่งได้กล้าได้กล้าเสียจึงประจบเอาใจต่างๆ เช่น รินเหล้าให้ด้วยตนเอง, ยกลูกสาวให้เป็นสะใภ้ จนเซี่ยงป๋อรู้สึกสงสาร จังหวะนั้นเองหลิวปังสบโอกาสจึงอธิบายกับเซี่ยงป๋อว่า หลังจากเข้ามาในเมืองก็ไม่ได้รับเงินทองเพชรนิลจินดา เพราะรอเซี่ยงหยี่มาดูแล ส่วนทหารมาเฝ้ารักษาการณ์ด่านหานกู่กวนก็เพื่อป้องกันโจรขโมยและเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ไม่ได้ทรยศต่อเซี่ยงหยี่ ทั้งขอร้องให้เซี่ยงป๋อช่วยชี้แจงแทนตนเองซึ่งผิดวิสัยเดิมๆที่ผ่านมาเขาจะเป็นคนค่อนข้างละโมบโลภมากและเจ้าชู้ แต่หลังจากที่เข้าเมืองเสี้ยนหยางมาก็ไม่แตะต้องเรื่องพวกนี้เลย เก็บซ่อนมีความทะเยอทะยานไว้ในใจแน่นอนว่าเซี่ยงป๋อเชื่อ และทำตามที่หลิวปังขอ
เซี่ยงป๋อกล่าวกับเซี่ยงหยี่ว่า ที่หลิวปังเข้ามาในกวนจงก่อนนั้น ก็เพื่อมาสร้างคุณูปการ หากโจมตีเขาในเวลานี้จะเป็นเรื่องที่ผิดต่อศีลธรรม ควรใช้โอกาสนี้ซื้อใจคน หลังจากเซี่ยงหยี่ฟังสิ่งที่เซี่ยงป๋อพูด ความโกรธลดลงกว่าครึ่ง และให้จัดเลี้ยงหลิวปังที่เมืองหงเหมิน หรือ “งานเลี้ยงหงเหมิน” ซึ่งฟ่านเจิงวางแผนสังหารหลิวปังในงานเลี้ยง
จากงานที่ถูกจับไปเพื่อฆ่าแต่เอาตัวรอดก้าวไปถึงสถาปนาราชวงศ์ฮั่นที่ยิ่งใหญ่เรื่องหลิวปังไปร่วมงานเลี้ยงหงเหมินนี้ กลายเป็นสำนวนติดปากของคนจีน เมื่อกล่าวถึงงานเลี้ยงที่แฝงเจตนาร้ายไว้ข้างหลังว่า “งานเลี้ยงหงเหมิน” และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้หลิวปังได้เป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ฮั่นในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน “งานเลี้ยงหงเหมิน” กลายเป็นสำนวนพูดติดปากที่คนจีนใช้เตือนใจให้ระวังว่าจะโดน “แทงข้างหลัง”
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต