วันที่ 26 พ.ค.67 ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ,พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์  ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ , พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 4 ได้จับกุมนายสราวุฒิ หรือหนึ่ง วิเศษสิงห์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/3 หมู่ 1 ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืน กึ่งอัตโนมัต ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก,ซองกระสุน(แมกกาซีน) จำนวน 1 ซอง และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน  6  นัด เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า จำหน่ายอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร”

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าจากนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนก่อเหตุอาชญากรรม มีเป็นจำนวนมาก  สำหรับพฤติการณ์แห่งคดี ก่อนทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ออกติดตามสืบสวนหาข่าว  เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดที่ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน โดยใช้สื่อโซเชียลเป็นช่องทางในการติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. และได้ข้อมูลว่านายสราวุฒิฯ (ทราบชื่อจริงภายหลัง) ใช้บัญชีเฟซบุ๊คในการขายอาวุธปืนฯ  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนติดตามเรื่อยมา  ต่อมาวันนี้( 25 พ.ค.67 ) ช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ตรวจสอบพบว่า นายสราวุฒิฯ ผู้ใช้เฟซเสนอขาย อาวุธปืน กึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ในราคา 30,000 บาท โดยนัดหมายให้มารับบริเวณซอยรามคำแหง 157 แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สมพรฯ จึงรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเพื่ออนุมัติในการล่อซื้อจับกุมผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นั่งรถยนต์ไปกับสายลับเพื่อไปทำการล่อซื้ออาวุธจากนายสราวุฒิฯ ต่อมาประมาณ 18.45 น.เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเดินทางไปถึงบริเวณปากซอยรามคำแหง 157  นายสราวุฒิฯ ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและสายลับว่า ให้ขับรถเข้ามาในซอยรามคำแหง 157 ซึ่งเป็นอาคารที่พัก จากนั้น นายสราวุฒิฯได้เดินมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจและสายลับที่ลานจอดรถเพื่อนำอาวุธปืนของกลาง ตามของกลางลำดับที่ 1-2 มาให้ตรวจสอบ พบว่าเป็นอาวุธปืนตามของกลางดังกล่าวจริง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่กับสายลับได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่โดยรอบ เข้าทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัว  เพื่อทำการจับกุมตัวนายสราวุฒิ พร้อมของกลาง ลำดับที่ 1-2 ซึ่งนายสราวุฒิฯ เป็นผู้ถือมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและสายลับตรวจสอบ ส่วนของกลางลำดับที่ 3 ตรวจพบภายในกระเป๋ากางเกงข้างหลังด้านขวาของนายสราวุฒิ  ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายสราวุฒิฯ มายัง  กก.สส.2 เพื่อสอบสวนขยายผลอาวุธปืนและดำเนินการทำบันทึกจับกุม ส่ง พงส.สน.บางชัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวน นายสราวุฒิ  ให้การว่า ได้เสนอขายอาวุธปืนดังกล่าวจริง โดยเสนอขายในราคา 30,000 บาท จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุมดังกล่าว จับกุม ที่บริเวณภายในลานจอดรถอพาร์ทเมนต์ ถ.รามคำแหง แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 


พล.ต.ต.ธีรเดช  กล่าวเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ มีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท  ส่วนผู้ขายมีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท