พ่อแม่ร้องสื่อ ลูกสาววัย11ปี ถูกเพื่อนบ้านจับมัดมือมัดเท้า แก้ผ้า หวังข่มขืน โชคดีน้องชายวัย7ขวบ มาเห็นจึงรอดหวุดหวิด แจ้งความกว่า 10 วัน คดีไม่คืบ วอน ปวีณา ช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายพิเชฐ อายุ 31 ปี และ น.ส.มนต์ตระการ อายุ 21 ปี ว่า บุตรสาววัย 11 ปี ถูกเพื่อนบ้าน ใช้เชือกมัดมือมัดเท้าแก้ผ้า พยายามจะข่มขืนแต่โชคดีที่น้องชายวัย 7 ขวบ เข้ามาเห็นจึงช่วยเหลือไว้ได้ทัน ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าไม่มีเลขที่ หมู่8 ซ.ทุ่งกลมตาลหมัน 13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีห้องเช่าอยู่ในบริเวณประมาน 20 ห้อง โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงบ่ายของวันที่ 11 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พ่อ แม่ และลูกคนโต(อายุ13ปี)ไปทำงาน มี น้องเอ (นามสมมติ) บุตรสาวคนกลางวัย 11 ปี และ น้องบี (นามสมมติ) บุตรชายวัย 7 ปี อยู่ที่ห้องพักเพียงลำพัง 2คนพี่น้อง

โดย น้องเอ (ผู้เสียหาย) เล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองได้เดินไปตาม น้องชายให้กลับบ้าน ซึ่งน้องชายเล่นอยู่ที่ห้องพักของเพื่อนบ้าน ทราบชื่อเพียง ตาเชาว์ อายุประมาณ 50 ปี ซึ่งอยู่ตรงข้ามใกล้เคียงกับห้องพักของตนเอง เมื่อไปถึงตาเชาว์ได้ทำทีจ้าง น้องชาย ให้ไปซื้อน้ำแข็ง ตนจึงนั่งรออยู่หน้าห้อง จังหวะที่ตนนั่งหันหลังนั้น ผู้ก่อเหตุได้ดึงตนเองเข้าไปในห้องนอน ก่อนใช้เชือกสีขาว ลักษณะคล้ายเชือกฟาง มัดแขนมัดขาตนแล้วจับตนถอดเสื้อผ้า ส่วนตาเชาว์ได้ถอดกางเกงของตัวเอง แล้วเอาอวัยวะเพศชาย มาถูกับอวัยวะเพศของตนเอง พยายามที่ข่มขืน ตนจึงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครได้ยิน โชคดีที่น้องชายกลับมาเห็นเหตุการณ์ ผู้ก่อเหตุจึงหยุดแล้วให้ตนไปใส่เสื้อผ้า โดยก่อนปล่อยตนเองกลับบ้าน ตาเชาว์ ได้พูดข่มขู่ต่างๆ นาๆ ว่า เป็นเด็ก บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ บอกพ่อบอกแม่ จะโดนพ่อแม่ตีเปล่าๆ ตนเองจึงเก็บเงียบ ไม่ยอมเล่าให้ใครฟัง อีกทั้งหลังจากเหตุการณ์ในวันแรก วันถัดมา ตาเชาว์ ยังคงพยายามที่จะบุกเข้าในบ้านของตนอีกครั้ง เพื่อพยายามข่มขืน แต่มีชาวบ้านเดินผ่านก่อน จึงก่อเหตุไม่สำเร็จ

ด้าน พ่อกับแม่ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า พวกตนมาทราบเรื่อง จากลูกสาวคนโต เนื่องจากลูกสาวคนโตเห็นอาการของ น้องเอ เงียบซึมผิดปกติ จึงสอบถามก็ไม่ยอมบอก จึงสอบเค้นกับน้องชาย จนทราบเรื่องราวทั้งหมด ในวันที่ 13 พ.ค.67 จากนั้นได้พา น้องเอ บุตรสาวที่ถูกกระทำ ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองปรือ และไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แต่ผลตรวจไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากยังไม่ถูกอวัยวะเพศสอดใส่

ต่อมาแม่ได้ไปบ้าน ตาเชาว์ ผู้ก่อเหตุ แต่ไม่พบตัว จึงได้พูดคุยกับ ป้าเจ้าของห้องเช่า และเป็นนายจ้างของผู้ก่อเหตุด้วย เพื่อขอความช่วยเหลือ และสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวป้านั้นยืนยันและปฏิเสธแทนตาเชาว์ว่า ตาเชาว์ เป็นลูกจ้างมากว่า 15 ปี ไม่มีทางที่จะก่อเหตุลักษณะนี้แน่นอน และในวันรุ่งขึ้นทางป้าเจ้าของห้องเช่า ได้มาพูดคุยอีกครั้ง ว่า หากครอบครัวตนเองจะเอาเรื่อง การสู้คดีนั้นจะต้องใช้เงินเยอะ และ ตาเชาว์ อยู่ในพื้นที่มานานรู้จักคนเยอะ คนที่ห้องเช่านี้พร้อมจะเป็นพยานให้ตาเชาว์ ทางตนเองจึงรู้สึกกลัว และไม่รู้ว่าจะพึ่งพาใครได้ อีกทั้งหลักฐานชัดเจนก็ไม่มี และไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงคิดว่าจะถอนแจ้งความเพื่อจบเรื่อง แต่เมื่อได้ปรึกษากกันอีกครั้ง จึงคิดว่า ต้องสู้คดีให้ถึงที่สุด เพื่อความเป็นธรรมของบุตรสาว

ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นมากว่า 10 วันแล้ว เรื่องยังคงเงียบ คดียังไม่มีความคืบหน้า วอนให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือบุตรสาวให้ได้รับความเป็นธรรม ให้ผู้ก่อเหตุได้รับความผิดของตนที่ก่อขึ้น สุดท้ายขอวิงวอนให้ คุณหญิงปวีณา หงสกุล ให้เข้ามาช่วยเหลือ ให้ความเป็นธรรมกับของบุตรตนเองด้วย