"บิ๊กโจ๊ก” เดินสายล่ารายชื่อคนอีสาน ร่วมรณรงค์ให้ประชาชนตรวจสอบกรรมการ ป.ป.ช. ล่าสุดมีประชาชนร่วมลงชื่อมากกว่า 16,000 คนแล้ว  พร้อมประกาศชัด หากกลับมามีอำนาจอีกครั้งเดินหน้าสานต่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างเต็มรูปแบบ

วันที่ 25 พ.ค.2567 เวลา 10.00 น.  ที่โรงแรมไอโฮเทล ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.  เดินทางมาพบปะกับประชาชนชาวภาคอีสาน ที่เดินทางมง มาให้กำลังใจและร่วมกิจกรรมโครงการ “ปฏิบัติการ กวาดบ้าน ให้ ป.ป.ช.” โดยมีทีมงาน ตั้งโต๊ะให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้ลงชื่อกล่าวหากรรมการป.ป.ช. ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งจากการรวบรวมรายชื่อประชาชนโดยใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 พบว่าล่าสุดมีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 16,000 คนแล้ว ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักและเป็นกันเอง พร้อมกันนี้ชาวบ้านที่เดินทางมาร่วมงานจากหลายยจังหวัด ได้นำดอกกุหลาบและผ้าขาวม้ามามอบให้ บิ๊กโจ๊ก เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ก่อนที่จะขึ้นพบปะกับผู้มาร่วมงานบนเวที 

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ กล่าวว่า การทำงานที่ผ่านมาก่อนจะโดนคำสั่งย้ายถึง 2 ครั้ง ซึ่งผลสำเร็จจะเป็นในเรื่องของการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่มีการดำเนินการปราบนายทุนเงินกู้ที่เอาเปรียบพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่มีปัญหาดังกล่าวสูง แต่ระบบทำงานที่วางกรอบเอาไว้ไม่สามารถไปต่อได้ เนื่องจากถูกคำสั่งย้ายไปก่อน ซึ่ง หากกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ก็จะเดินหน้าสานต่อในการทำงานเรื่องแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนี้อย่างเต็มรูปแบบ และดำเนินการต่อจากเดิมที่มีการดำเนินการมาดีอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครสานต่อ และผลสำเร็จที่ได้รับการตอบแทนมานั้นคือ ผ้าขาวม้าจากชาวบ้านที่มาผูกเอวมอบให้แสดงความขอบคุณที่แก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม

" ในการลงพื้นที่รวบรวมรายชื่อนั้น คาดว่าทั้งขอนแก่น และอุดรธานี จะสามารถรวบรวมรายชื่อได้ถึง 20,000 รายชื่อและจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดทำเอกสาร หลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมอันควรต้องสงสัยว่า กระทำทุจริตต่อหน้าที่ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งในมือตนเองขณะนี้มีครบแล้ว และจะมีการรับข้อมูลเพิ่มเติมที่มีประชาชนยังคงส่งเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนนำไปยื่นให้กับประธานรัฐสภา ซึ่งจากการตั้งเป้าเอาไว้ 2 สัปดาห์จะครบ 2 หมื่นรายชื่อ แต่คาดว่าวันนี้ก็น่าจะเกินแล้ว"พล.ต.อ.สุรเชษฐ กล่าว

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ กล่าวต่ออีกว่า  มาพบกับประชาชนคนอีสาน รู้สึกดีใจมาก เพราะพี่น้องประชาชนได้นำผ้าขาวม้ามามอบให้ และร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้พบตนเองอีกครั้ง หลังจากช่วงปี 61/62 ซึ่งตนเองเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบ ได้มีการทำงานแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างหนักหน่วงตลอดระยะเวลา 9 เดือนเศษ เราสามารถเอาโฉนดที่ดินที่ถูกนายทุนฉ้อฉล กลโกง เอาของประชาชนไป ซึ่งเราได้มีการแก้ปัญหาและให้ความเป็นธรรมทั้งนายทุนและลูกหนี้ บนหลักเป็นหนี้ต้องจ่าย แต่จ่ายังไงจึงจะเกิดความเป็นธรรม พร้อมทั้งมีการบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีส่งคืนโฉนดที่ดินให้กับประชาชนกว่า 300,000 ไร่ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท  ประชาชนกว่า 50,000 คนที่ได้รับโฉนดคืน แต่ขณะนั้นถูกย้ายไปก่อน ซึ่งครั้งนี้ได้รับปากกับประชาชนถ้ามีอำนาจกลับมาได้อีกก็จะเดินหน้าสานต่อเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป

ซึ่งวันนี้มีความตั้งใจ หากกลับมาอีกรอบ จะทำให้ครบวงจร นอกจากปราบอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขปัญหา ก็จะมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆทั้งกระทรวงการคลัง แลห่งเงินทุนต่างๆ และนายทุนตามตำบล ตามอำเภอที่มีนายทุนดีดีอยู่เยอะ แต่จะทำอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ผ่านมาจะมีปัญหาเรื่องของสัญญาจำนอง กลายเป็นสัญญาเช่า ที่นายทุนวางแผนไว้แล้วว่าจะยึดที่ดินของลูกหนี้จากสัญญาเงินกู้เป็นรสัญญาเช่าที่ดินตัวเอง และเป็นเรื่องใหญ่ของประชาชนที่ภาคอีสาน เมื่อมาพบกับพี่น้องชาวอีสานวันนี้ก็ดีและความภาคภูมิใจอีกอย่างที่ได้รับจากพี่น้องชาวอีสานคือ ผ้าขาวม้า ที่พี่น้องประชาชนบนบานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ในผ้าขาวม้า และนำมาผูกให้กับตนเองได้มีการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีขวัญกำลังใจและปลอดภัย ยืนยันว่าจะดำเนินการเพื่อประชาชนต่อไป

 

 

 

..